WHA เผยภารกิจ “Mission to the Sun” พัฒนาองค์กรสู่การเป็น Technology Company

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการ บริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (WHA) เปิดเผยถึงภาพรวมเศรษฐกิจในปี 2566 โดยมองว่า เริ่มเห็นสัญญาณบวกในทิศทางที่ดี ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2565 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังเริ่มเห็นการกลับมาของนักลงทุนต่างชาติ เริ่มมีการเซ็นสัญญาดีลใหญ่ๆ เกิดขึ้น และโครงการที่สร้างมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจของกลุ่มบริษัท ซึ่งจะทำให้บริษัทมีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดดและรักษาฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และจะสามารถก้าวสู่การเป็น Technology Company ภายในปี 2567

สำหรับในปี 2566 นี้ กลุ่มบริษัทมีกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ ผ่าน 5 ยุทธศาสตร์หลัก ได้แก่ 1. รักษาความเป็นที่หนึ่งในประเทศ ด้วยการครองอันหนึ่งในทุกธุรกิจขององค์กร 2.เร่งการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ โดยเน้นที่ประเทศเวียดนาม 3.ใช้นวัตกรรมดิจิทัลและเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า 4.สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ โดยเน้นแนวคิดด้านความยั่งยืนเป็นหลัก และ 5.นำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาไปสู่องค์กรที่มีคุณภาพและมุ่งสู่การเป็น Technology Company

“เรามองอนาคตในปี 2566 ด้วยความมั่นใจในเชิงบวก ซึ่งกำลังกลุ่มบริษัทกำลังก้าวเข้าใกล้การเป็น Technology Company มากขึ้น และเป็นการส่งเสริมนวัตกรรมต่างๆ ให้กับทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจโดยยังคงเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนและดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม สังคม ธรรมาภิบาล ซึ่งเราได้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนไปแล้วตั้งแต่ปี 2564 และมุ่งมั่นสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ลูกค้า พนักงาน ผู้ถือหุ้น พันธมิตรทางธุรกิจ และสังคมไทยโดยรวม”นางสาวจรีพร กล่าว 

นอกจากนี้บริษัทยังได้เริ่มการดำเนินธุรกิจด้วยภาระจ “Mission to the Sun” ซึ่งประกอบไปด้วย 9 โครงการ ที่มีเป้าหมายเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ๆ รวมถึงเพื่อสร้างความพึ่งพอใจให้กับลูกค้า และเสริมสร้างการพัฒนาองค์กร และบุคลากรของบริษัท โดยโครงการที่สำคัญ ประกอบไปด้วย โครงการ Green Logistics โครงการ Digital Assets (Metaverse) โครงการ Digital Health Tech โครงการ Circular เป็นต้น 

อย่างไรก็ตามบริษัทได้ตั้งเป้าหมายมีรายได้รวม และส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานภายในปี 5 ปี (2566-2570) ที่ 100,000 ล้านบาท รวมถึงยังคงรักษาอัตรากำไร สูงกว่า 40% และอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ต่ำกว่า 1.2 เท่า นอกจากนี้บริษัทได้วางงบลงทุนไว้ที่ 68,500 ล้านบาท แบ่งเป็นงบลงทุนสำหรับ 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ โลจิสติกส์ จำนวน 17,000 ล้านบาท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเม้นท์ จำนวน 29,000 ล้านบาท WHAUP จำนวน 18,500 ล้านบาท และ ดับบลิวเอชเอ ดิจิทัล จำนวน 4,000 ล้านบาท 

ในส่วนของแผนธุรกิจแยกตามกลุ่มธุรกิจของกลุ่มบริษัท แบ่งได้เป็น 1.ดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์ คาดว่าจะมีการส่งมอบโครงการใหม่และสัญญาใหม่ คิดเป็นพื้นที่รวม 200,000 ตร.ม. แบ่งเป็น 165,000 ตร.ม. ในประเทศไทย และ 35,000 ตร.ม. ในประเทศเวียดนาม โดยคาดว่าสินทรัพย์ภายใต้กรรมสิทธิ์และการบริหารจะสูงถึง 2,900,000 ตร.ม. ทั้งนี้ยังได้ตั้งเป้าหมายขายสินทรัพย์พื้นที่ 142,000 ตร.ม. ให้แก่ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า ดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท คาดว่าจะมีมูลค่ารวมประมาณ 3,250 ล้านบาท 

2.บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเม้นท์ ซึ่งในประเทศไทย และ เวียดนาม บริษัทมีพื้นที่ในครอบครองรวมกว่า 71,000 ไร่ มีพื้นที่ขายกว่า 4,000 ไร่ อย่างไรก็ตามจากยอดขายที่ดินในไทยและเวียดนามในปี 2565 ที่ผ่านมา ที่มียอดขายมากกว่า 1,740 ไร่ ซึ่งเป็นยอดขายที่เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวเมื่อเปรียบเทียบกับ 2564 และด้วยความเชื่อมั่นของนักลงทุน บริษัทคาดว่าในปี 2566 นี้ จะมียอดขายที่ดินทั้งในประเทศไทยและประเทศเวียดนาม ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยตั้งเป้ามี่ยอดขายที่ดินไว้ที่ 1,750 ไร่ 

3.บริษัท ดับบลิวเอสเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) ในปี 2566 บริษัทตั้งเป้าสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ที่ลงนามแล้ว 847 เมกะวัตต์ เพิ่มจาก 863 เมกะวัตต์ในปี 2565 ประกอบไปด้วยพลังงานสิ้นเปลือง 547 เมกะวัตต์ พลังงานแสงอาทิตย์ 133 เมกะวัตต์ และพลังงานจากขยะอุตสาหกรรม อีกประมาณ 3 เมกะวัตต์ นอกจากนี้บริษัทยังเร่งเดินหน้าพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ที่ลงนามแล้ว 300 เมกะวัตต์ ภายในสิ้นปี 2566 นี้ 

และ 4.ดับบลิวเอชเอ ดิจิทัล บริษัทจะยังคงตั้งเป้าเป็นผู้นำโครงการการทรานสฟอร์มธุรกิจสู่ดิจิทัลภายในองค์กร ช่วยสร้างเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจเพื่อเพิ่มผลิตภาพ ประสิทธิภาพ การเข้าถึง และความปลอดภัยด้านดิจิทัล นอกจากนี้บริษัทยังจะทำงานร่วมกลู่มธุรกิจต่างๆ ของกลุ่มบริษัท ในการนำเทคโนโลยีมาสร้างผลิตภัณฑ์และบริการมูลค่าเพิ่มใหม่ๆ เพื่อเพิ่มสร้างความพึ่งพอใจของลูกคต้าและดึงดูดลูกค้ารายใหม่