อุตสาหกรรมไทยใกล้สิ้นลม! ส.อ.ท. แฉ 3 กับดักรั้งศักยภาพชาติ-ติดหล่มกฎหมายแสนฉบับ
ประธานสภาอุตสาหกรรมฯ เตือนแรง! ไทยติดกับดักโครงสร้าง-กฎหมายล้าสมัย แรงงานแก่ เกาะตลาดเดิม สวนทางเวียดนามเร่งปรับโครงสร้าง ดึง FDI ทะยานแซงไทยทุกมิติ
KEY
POINTS
- ประธานสภาอุตสาหกรรมฯ เตือนแรง!
- ไทยติดกับดักโครงสร้าง-กฎหมายล้าสมัย แรงงานแก่ เกาะตลาดเดิม
- สวนทางเวียดนามเร่งปรับโครงสร้าง ดึง FDI ทะยานแซงไทยทุกมิติ
เสียงปรบมือในห้องสัมมนาคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงิน และการคลัง วุฒิสภา ในหัวข้อ "ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงห่วงโซ่อุปทานโลกต่ออาเซียนและประเทศไทย" ค่อยๆแผ่วลง
เมื่อ "เกรียงไกร เธียรนุกุล" ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวอย่างตรงไปตรงมา คำพูดของเขาไม่ได้เพียงสะท้อน "ความจริง" แต่เป็น "สัญญาณเตือนภัย" ครั้งใหญ่ต่ออนาคตเศรษฐกิจไทย
"เรากำลังอยู่ในจุดที่อุตสาหกรรมไทยอาจสิ้นลมหายใจ หากไม่เร่งปรับตัวใน 3 ด้านสำคัญ"
จากประเทศที่เคยเป็น "เสือตัวที่ 5 แห่งเอเชีย" วันนี้กลับกลายเป็นชาติที่ GDP โตไม่ถึง 2% ในขณะที่เพื่อนบ้านอย่าง "เวียดนาม" วิ่งแซงหน้าด้วยความเร็วเหนือคาด
ไทยยังติดหล่มกับกฎหมายล้าสมัย, แรงงานแก่ และ โมเดลเดิม ที่ไม่ตอบโจทย์โลกใหม่ โลกที่เปลี่ยนด้วยเทคโนโลยี ความยั่งยืน และเกมภูมิรัฐศาสตร์ที่ไม่มีวันรอใคร
ความท้าทายของไทยไม่ได้มาเล่นๆ คุณเกรียงไกร แบ่งปัญหาเป็น 3 กับดักร้ายแรงที่ฉุดรั้งศักยภาพชาติ
1. แรงกระเพื่อมจากภูมิรัฐศาสตร์และการแยกขั้ว (Geopolitics & Decoupling) สงครามการค้าทั่วโลกและกระแส Decoupling ทำให้ซัพพลายเชนไทยปั่นป่วน การพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ สูงถึง 18.2% กลายเป็นดาบสองคม เมื่อถูกเก็บภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) แม้ไทยโดน 19% และเวียดนาม 20% แต่ผลกระทบต่อ GDP ไทยหนักกว่า เพราะเราปรับตัวไม่ทัน
2. กับดักเชิงโครงสร้าง ไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยเต็มรูปแบบ โดยมีประชากรผู้สูงอายุถึง 14 ล้านคน คิดเป็น 21% ของประชากร 67 ล้านคน ปัจจุบัน อัตราการตายสูงกว่าอัตราการเกิด ปัญหาโครงสร้างนี้เปลี่ยนจาก "จุดแข็ง" แรงงานวัยทำงานจำนวนมาก ในอดีต มาเป็น "จุดอ่อน" ทำให้ต้องพึ่งพาการนำเข้าแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านจำนวนมาก
แรงงานลด รายได้ต่อหัวโตช้า และติดกับดักรายได้ปานกลาง (Middle-Income Trap) แม้รายได้ต่อหัวจะเพิ่มขึ้นจาก 5,000 เหรียญ เป็น 7,500 เหรียญ แต่หากจะก้าวสู่ประเทศรายได้สูง เป้าหมาย 13,000 เหรียญต่อหัวต่อปี ด้วยโมเดลธุรกิจและการเติบโต GDP ที่ไม่ถึง 2% ทำให้การก้าวสู่รายได้สูงอาจต้องใช้เวลาอีก 50 ปี จึงจะพ้นจากกับดักนี้ได้ เนื่องจากอุตสาหกรรมไทยส่วนใหญ่เป็น OEM ซึ่งสร้างมูลค่าในประเทศต่ำ
3. กฎหมายล้าสมัยและระบบที่สร้างปัญหา ประเทศไทยเป็น "มหาอำนาจทางกฎหมายของโลก" ด้วยจำนวนกฎหมายที่มีกว่าแสนฉบับ ซึ่งถูกมองว่าเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและ FDI
คำถามคือ ประเทศไทยอยากเป็นประเทศ "สีขาว หรือ สีเทา"
เพราะระบบที่เป็นอยู่ทำให้เกิดความเคยชินกับการทุจริตที่ผู้คน "เตรียมควักตังค์ไว้ก่อน" หากเรายอมรับอุตสาหกรรมที่เป็น "เทาและดำ" ก็จะดึงดูดได้แต่บริษัทประเภทนั้น
โดยเฉพาะบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก จะไม่ย้ายฐานมา หากระบบนิเวศ (Ecosystem) ของเรายังคงเต็มไปด้วยปัญหา
แต่ข่าวดีก็คือ ภาคเอกชนไม่ยอมนิ่ง!
ส.อ.ท. วางแผนแม่บท 4 เสาหลักเพื่อพลิกฟื้นอุตสาหกรรมไทย ตั้งแต่การปรับตัวสู่ Digital & AI Transformation, การผลักดัน Innovation นวัตกรรม, ขยาย Global Access ไปจนถึงการสร้างความยั่งยืน Go Green โดยจับมือกับรัฐและต่างชาติ เพื่อเปลี่ยนประเทศไทยจาก "กับดัก" เป็น "โอกาส" ท่ามกลางโลกที่แข่งขันอย่างดุเดือด
บทเรียนจากเวียดนาม & แผนปฏิบัติ ส.อ.ท.
เวียดนามกลายเป็นกรณีศึกษาให้ไทยเรียนรู้ พวกเขาไม่ต้องการเป็น "ไทยรุ่นสอง" ที่โตช้า ติดกับดักรายได้ปานกลาง และเสียเวลาไปกับระบบราชการหนาแน่น
รัฐบาลเวียดนามลดกระทรวง ลดคน ปรับงบประมาณเพื่อการพัฒนาเพิ่มขึ้น และลงทุนกับนวัตกรรม-เทคโนโลยีทันที ทำให้ประเทศก้าวสู่เศรษฐกิจที่สร้างมูลค่าเพิ่มได้จริง
สำหรับไทย ส.อ.ท. วางแผนเชิงรุก 4 เสาหลัก เพื่อตอบสนองความท้าทายนี้
- Digital & AI Transformation ดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ ยกระดับบริษัทไทยกว่า 6,000 แห่งด้วย AI และดิจิทัล เพื่อเพิ่มรายได้ต่อคน มากกว่า 3 - 4 เท่า
- Innovation นวัตกรรม สนับสนุน Startup และ SME ผ่านกองทุน Innovation One และ One Innovation Council (OIC) ร่วมกับต่างชาติในกลุ่ม Biotech และเทคโนโลยีใหม่
- Global Access การขยายตลาดโลก ลดการพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ ลงเหลือ 10–12% จากปัจจุบันอยู่ที่ 18.2% พร้อมสร้างผู้ส่งออกหน้าใหม่ผ่านโครงการ SME Go Global
- Go Green ความยั่งยืน ปรับตัวสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ รับกติกาโลกด้านความยั่งยืน และเตรียมพร้อมสู่เป้าหมาย Net Zero 2050
"การแข่งขันในปัจจุบันต้องเร็วและเฉียบขาด ภาครัฐและเอกชนต้องจับมือกันเพื่อปรับโครงสร้าง กฎหมาย และระบบนิเวศให้เป็น ‘สีขาว’ เพื่อดึงดูด FDI และบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกเข้าประเทศ"
ประเทศไทยกำลังอยู่ที่ทางแยกสำคัญ จะเลือกเดินตามวิถีเดิมที่เสี่ยงต่อการถูกแซง หรือก้าวสู่อนาคตใหม่ด้วยนวัตกรรม ความยั่งยืน และความร่วมมือระหว่างรัฐกับเอกชน.


