posttoday

BAM ในอุ้งมือ “ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร” หมดยุค “ปู่โสมเฝ้าทรัพย์”

09 พฤษภาคม 2568

BAM ใต้ร่ม “ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร” ซีอีโอคนใหม่ จะไม่เป็น “ปู่โสมเฝ้าทรัพย์” อีกต่อไป ประกาศวิสัยทัศน์ ชูกลยุทธ์ 3P ยกระดับองค์กรให้เป็นมากกว่า AMC สร้างการเติบโตยั่งยืน

KEY

POINTS

  • BAM ใต้ร่ม “ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร” ซีอีโอคนใหม่ จะไม่เป็น “ปู่โสมเฝ้าทรัพย์” อีกต่อไป
  • ประกาศวิสัยทัศน์ สร้าง BAM เป็น Business Recycling Machine ในการช่วยพลิกฟื้นลูกหนี้ให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้
  • ชูกลยุทธ์ 3P “People-Partnerships-Platforms/Process” ยกระดับองค์กรให้เป็นมากกว่า AMC สร้างการเติบโตยั่งยืน
  • เล็งร่วมมือกับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 3-4 ราย ปรับปรุงทรัพย์ NPA ขาย รับส่วนแบ่งกำไร คาดเซ็นสิ้น พ.ค.นี้
  • จ่อผนึกแบงก์-นอนแบงก์ จัดหาสินเชื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ลูกหนี้ คาดชัดเจนในไตรมาส 4/68  

เปิดวิสัยทัศน์ ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) บริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM หลังจากเมื่อวันที่ 24 ก.พ.2568 คณะกรรมการ BAM มีมติแต่งตั้ง ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และมีผลตั้งแต่วันที่ 16 เม.ย.2568 ที่ผ่านมา  

สำหรับ “ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร” ถือเป็น ซีอีโอ BAM คนที่ 2 หลังมีการปรับโครงสร้างองค์กรเมื่อปี 2564 เปลี่ยนจากตำแหน่ง “กรรมการผู้จัดการใหญ่” เป็น “ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร” โดยได้แต่งตั้ง “บัณฑิต อนันตมงคล” เป็น ซีอีโอคนแรก หลังจาก “สมพร มูลศรีแก้ว” กรรมการผู้จัดการใหญ่ ได้หมดวาะลงเมื่อวันที่ 31 ธ.ค.2563

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน “สมพร มูลศรีแก้ว” กลับมาเข้ามาดำรงตำแหน่ง ผู้จัดการใหญ่ สายธุรกิจ เมื่อเดือน มี.ค.2568 จากการแต่งตั้งของคณะกรรมการ BAM 

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BAM ประกาศวิสัยทัศน์ยกระดับให้ BAM เป็นมากกว่า AMC รวมทั้งยังคงบทบาทในการเป็นแก้มลิงแห่งชาติที่เข้าไปจัดการปัญหามวลหนี้เสียไม่ให้ไหลเข้าท่วมสู่ระบบสถาบันการเงิน ด้วยการบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพทั้ง NPL และ NPA อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจมีความผันผวน 

รวมทั้งยังสร้างโอกาสในการลงทุน โดยการนำทรัพย์สินเหล่านี้มาสร้างมูลค่าเพิ่มและผลตอบแทนที่คุ้มค่า ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของ BAM ในฐานะผู้นำธุรกิจ AMC ที่มีส่วนแบ่งทางการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) มากกว่า 40% พร้อมเคียงข้างระบบเศรษฐกิจและสร้างการเติบโตให้กับสังคมไทยได้อย่างยั่งยืน

“การเข้ารับตำแหน่งซีอีโอ BAM ครั้งนี้ถือว่าเป็นความท้าทายการบริหารงานภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัวและภาวะการแข่งขันสูง”  
 

ทั้งนี้ BAM มีเป้าหมายในการเป็น Business Recycling Machine เพื่อช่วยแก้ปัญหาหนี้ให้ลูกหนี้ได้หลักประกันกลับคืนไปด้วยเงื่อนไขที่ผ่อนปรน พร้อมพลิกฟื้นลูกหนี้ให้สามารถเดินหน้าธุรกิจต่อไปได้ ผ่านความร่วมมือจากพันธมิตรทางการเงิน

BAM ในอุ้งมือ “ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร” หมดยุค “ปู่โสมเฝ้าทรัพย์”

รวมถึงสร้างการเติบโตของ BAM ให้แข็งแกร่ง ด้วยแผนกลยุทธ์เชิงรุก “3P” ประกอบด้วย 

“People” เป็นการสร้างคุณค่าให้กับ 3 ส่วนหลัก ได้แก่ ผู้ถือหุ้น ด้วยการยกระดับองค์กรให้ได้รับการยอมรับในระดับชาติ โดยตอกย้ำบทบาทการเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ชั้นนำของประเทศ พร้อมทั้งสร้างความโปร่งใสและธรรมาภิบาลในการดำเนินธุรกิจ เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและผู้ถือหุ้นระยะยาว 

ส่วนที่สอง คือ ลูกหนี้และลูกค้า BAM มุ่งมั่นให้โอกาสลูกหนี้ NPL ในการฟื้นฟูกิจการหรือสถานะทางการเงินของตน โดยปรับโครงสร้างหนี้และหาทางออกที่ดีที่สุดร่วมกัน ขณะที่ลูกค้า NPA จะได้รับการบริการที่รวดเร็วแบบมืออาชีพ เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดในการซื้อทรัพย์ BAM 

ส่วนที่สาม คือ พนักงานและการพัฒนาองค์กร โดย BAM เชื่อมั่นว่าพนักงานคือทรัพยากรที่สำคัญที่สุดขององค์กร จึงเร่งสร้างศักยภาพสำหรับอนาคตและการเติบโตของพนักงานที่เหมาะสมพร้อมๆ กับระบบสวัสดิการที่ตอบโจทย์ (Flexi Benefits) สำหรับคนรุ่นใหม่ 

“Partnerships” BAM จะให้ความสำคัญกับการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นความร่วมมือกับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (Developers) 3-4 ราย ทั้งบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งเประเทศไทย (ตลท.) และนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการปรับปรุงและเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินรอการขาย คาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญาได้ภายในสิ้นเดือน พ.ค.2568 

“โดยเป็นรูปแบบให้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ปรับปรุงและเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินรอการขายของ BAM และนำไปขาย และแบ่งกำไรมาให้ BAM” 

รวมทั้งสนับสนุนลูกหนี้ในภาคธุรกิจเชิงพาณิชย์ที่มีศักยภาพ โดยให้ความช่วยเหลือผ่านความร่วมมือจากพันธมิตรทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นธนาคารพาณิชย์ที่รองรับความเสี่ยงได้มาก และนอนแบงก์ ในการจัดหาสินเชื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ลูกหนี้กลุ่มนี้ เพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืน คาดว่าจะได้เห็นความชัดเจนในไตรมาส 4/2568  

อีกทั้งเสนอทางเลือกให้กับข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจได้เป็นเจ้าของทรัพย์ NPA ในราคาพิเศษ (MOU ภาครัฐ)

“Platforms/Process” โดย BAM ได้เดินหน้าปรับเปลี่ยนองค์กรเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ (Digital Transformation) มุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและยกระดับการให้บริการลูกค้า โดยได้ลงทุนในการพัฒนาระบบ AI เพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจและปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นในการบริหารจัดการข้อมูลลูกหนี้ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยให้สามารถติดตามสถานะของลูกหนี้แต่ละรายได้อย่างใกล้ชิด วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก และนำเสนอทางเลือกหรือวิธีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่เหมาะสมกับความสามารถในการชำระของลูกหนี้แต่ละรายได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้น BAM ยังได้เสริมประสิทธิภาพการทำงานในองค์กรเพื่อลดขั้นตอนด้วยกระบวนการ Streamline Process อีกด้วย

BAM ในอุ้งมือ “ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร” หมดยุค “ปู่โสมเฝ้าทรัพย์”

ขณะเดียวกัน BAM พร้อมเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน (Financial Advisor) เพื่อช่วยแก้ไขหนี้อย่างยั่งยืนควบคู่ไปกับการสร้างวินัยทางการเงิน พร้อมทั้ง BAM ยังบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขาย (NPA) ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้การลงทุนใน NPA ของ BAM เป็น Investment of Choice เป็นโอกาสทองของการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มือสอง 

“ถึงแม้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์จะมีปัจจัยที่ท้าทายด้วยเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า พร้อมกับหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง แต่ BAM ก็ยังสามารถนำทรัพย์สินเหล่านี้มาสร้างมูลค่าเพิ่ม นำเสนอลูกค้าตามกลุ่มเป้าหมาย (Target Segment) คือ กลุ่ม ผู้ลงทุนรายใหญ่ (High Net Worth)”

นอกจากนี้ ยังเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วย BAM Digital (BAM-D) พัฒนาโครงสร้าง IT ด้วยระบบ AI และพัฒนา BAM Choice Application ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกหนี้ซึ่งสามารถชำระเงิน ตรวจสอบภาระหนี้คงเหลือ การติดต่อกับเจ้าหน้าที่ การขอเอกสารสำคัญ 

BAM Select จะช่วยลูกค้าค้นหาทรัพย์ได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น โดยค้นหา และเปรียบเทียบตามช่วงราคา/พื้นที่ ซึ่งผู้ใช้งานสามารถทำธุรกรรมต่างๆ ด้วยตนเองผ่านสมาร์ทโฟนได้อย่างสะดวกสบาย ถือได้ว่าเป็นการตอบโจทย์ความต้องการของลูกหนี้และลูกค้าทุกกลุ่มผ่านช่องทางดิจิทัล โดยจะมีการเปิดตัวในวันที่ 15 พ.ค.2568  

BAM Auto ซึ่งเป็นระบบ Automation ที่จะมาช่วยลดการทำงานที่ซ้ำซ้อนและลดการทำงานแบบ Manual เพื่อนำไปสู่การใช้ AI ที่ช่วยจำลองการออกแบบทรัพย์ตวามความต้องการของลูกค้า เพื่อเพิ่มโอกาสในการขายทรัพย์ รวมทั้งยกระดับประสบการณ์ค้นหาทรัพย์ด้วย AI อัจฉริยะที่จะช่วยแนะนำทรัพย์ให้ตรงใจจากพฤติกรรมการเข้าชมของลูกค้าอีกด้วย

ดร.รักษ์ ให้ข้อมูลภาพรวมหนี้ด้อยคุณภาพ NPL ในระบบสถาบันการเงิน (ธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ และสินเชื่อจัดชั้นกล่าวถึงเป็นพิเศษ) ณ สิ้นปี 2567 มีจำนวน 2,026,000 ล้านบาท และมีทรัพย์สินรอการขาย NPA (ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ) จำนวน 193,526 ล้านบาท 

ขณะที่ BAM มี NPL ในความดูแล ณ สิ้นปี 2567 จำนวน 503,630 ล้านบาท หรือคิดเป็น 24.86% ของระบบสถาบันเงิน รวมทั้งมี NPA จำนวน 74,517 ล้านบาท หรือคิดเป็น 38.50% ของระบบสถาบันการเงิน

BAM ในอุ้งมือ “ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร” หมดยุค “ปู่โสมเฝ้าทรัพย์”

โดยในปี 2568 BAM ยังคงเป้าหมายผลการเรียกเก็บรวม 17,800 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เป้าหมายดังกล่าวยังไม่รวมปัจจัยภาษีทรัมป์ และการเมือง 

ขณะที่วางงบซื้อหนี้ NPL 8,800 ล้านบาท และคาดว่าจะขายทรัพย์ NPA เพิ่มขึ้น 10% จากประมาณ 10,000 ล้านบาท ในปี 2567 

“BAM จะไม่เป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์อีกต่อไป จะนำทรัพย์ NPA ระบายออกให้เร็วที่สุด จาก 4 ปี เหลือ 2 ปี ในการถือครอง ซึ่งปกติระบายทรัพย์ออกได้ปีละ 10,000 ล้านบาท แต่จากการที่เรามี BAM Select และการร่วมมือกับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในการปรับปรุงทรัพย์ NPA เพื่อขาย คาดว่าจะขายทรัพย์ NPA ได้เพิ่มขึ้น 10% จากระบายทรัพย์ดังกล่าว”