BAY เล็งลดดอกเบี้ย ตาม กนง. ตั้งธงสินเชื่อปี 68 โต 2-4% รับสินเชื่อรายใหญ่ฟื้น

เศรษฐกิจไทยในปี 2568 มีปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว การใช้จ่ายภาครัฐที่กลับมาขยายตัวตามปกติโดยเฉพาะในครึ่งแรกของปี 2568 

ขณะที่การลงทุนมีแนวโน้มเติบโตได้อย่างจำกัด ภาคการส่งออกมีแนวโน้มเติบโตปานกลาง ส่วนการบริโภคมีแนวโน้มเติบโตสอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโดยรวม โดยได้รับการสนับสนุนจากภาคบริการที่แข็งแกร่งและตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ ได้แก่ ผลกระทบจากมาตรการกีดกันการค้าจากนโยบายด้านการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐที่กำลังปรับทิศทาง รวมถึงความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ประกอบกับความท้าทายของปัญหาเศรษฐกิจเชิงโครงสร้างและปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง 

ดังนั้น ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัว 2.7% จากปี 2567 ขยายตัว 2.5%

นายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY เปิดเผยว่า จากแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ธนาคารยังคงให้การสนับสนุนลูกค้าอย่างต่อเนื่อง 

 

โดยธนาคารให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุลและการเติบโตที่ยั่งยืน ซึ่งปี 2568 ตั้งเป้าหมายยอดเงินให้สินเชื่อเติบโต 2-4% จากปีก่อน ยอดเงินให้สินเชื่อ ลดลง 6% 

 

ทั้งนี้ มองว่าในปี 2568 สินเชื่อรวมของธนาคารจะฟื้นตัว เนื่องจากในปีที่แล้วพบว่าลูกค้ารายใหญ่ชะลอการลงทุน ทำให้คาดว่าสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ จะเติบโต 5-7% จากปีก่อน ลดลง 6.3%

ส่วนสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม คาดว่าจะทรงตัว จากปีก่อน ลดลง 0.2% เนื่องจากลูกค้ากลุ่มนี้ยังมีความเปราะบาง โดยธนาคารจะเน้นให้การสนับสนับสนุนเป็นเงินทุนหมุนเวียน 

สำหรับสินเชื่อรายย่อย คาดว่าจะเติบโตในอัตราเลขตัวเดียวระดับต่ำ (Low Single Digit) จากปีก่อน ลดลง 7.7% จากการที่ธนาคารระมัดระวังในการให้สินเชื่อ และการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบ

โดยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ทรงตัว จากปีก่อน ลดลง 9.1% และ 10.6% ตามลำดับ ขณะที่สินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล คาดว่าจะเติบโต 5-7% 

ด้านสินเชื่ออาเซียน คาดเติบโต 3-5% จากปีก่อน โดยธนาคารมุ่งมั่นเติบโตในอาเซียน มองเศรษฐกิจอาเซียนเติบโตสูง 

นอกจากนี้ ในปี 2568 ธนาคารตั้งเป้าหมายส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ที่ 3.8-4.1% จากปีก่อน อยู่ที่ 4.28% 

อีกทั้งธนาคารคาดว่าอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL Ratio) จะอยู่ที่ 3.25-3.50% จากปีก่อน อยู่ที่ 3.23% และในปีนี้จะมีการตั้งสำรองฯ ลดลงจากปีก่อน 

ขณะที่อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ (cost-to-income ratio) จะอยู่ในระดับ Mid-40s% จากปีก่อน อยู่ที่ 44.4% 

สำหรับกลยุทธ์ในปี 2568 ธนาคารจะมุ่งเน้นการดำเนินงานในเรื่อง Corporate Transformation เพื่อสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการเติบโตในอนาคต ผ่านกลยุทธ์สำคัญ ได้แก่

ONE Krungsri มุ่งดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ ONE Krungsri ส่งเสริมการทำงานร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว มี ความคล่องตัว และยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ด้วยการทำงานร่วมกันอย่างไร้รอยต่อระหว่างหน่วยงานทั้งหมดภายในธนาคารและธุรกิจต่างๆ ในอาเซียน ธนาคารจึงได้ใช้ประโยชน์จากจุดแข็งในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกลุ่มธุรกิจ เพื่อเสริมโอกาสในการเติบโตและขยายธุรกิจในภูมิภาค

การขยายเครือข่ายในอาเซียน สร้างความแข็งแกร่งให้บริการชำระเงินข้ามพรมแดน และโซลูชันการเงิน ดิจิทัล โดยธนาคารมุ่งเป้ายกระดับสถานะในภูมิภาคให้เด่นชัดยิ่งขึ้น ขณะที่ยังสนับสนุนการเติบโตทาง เศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ในอาเซียนด้วย

ความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืน เพื่อเน้นย้ำถึงความเป็นผู้นำด้านการเงินเพื่อความยั่งยืน ธนาคารได้ตั้งเป้าหมายใหม่ที่จะเพิ่มการสนับสนุนทางการเงินให้แก่โครงการธุรกิจเพื่อสังคมและความยั่งยืน (Social and Sustainable Finance) ให้ถึง 250,000 ล้านบาท ในปี 2573 จากเป้าหมายเดิมอยู่ที่ 100,000 ล้านบาท 

ทั้งนี้ เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ธนาคารจะเดินหน้าให้ การสนับสนุนลูกค้าผ่านโซลูชันการเงินเพื่อความยั่งยืน พร้อมขับเคลื่อนความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมผ่านโครงการการเงินสีเขียว

ขณะเดียวกัน ธนาคารมุ่งลงทุนในด้านบุคลากรและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล โดยกลยุทธ์ People Xcellence ที่สนับสนุนการพัฒนาความเป็นผู้นำให้กับบุคลากร การปรับเปลี่ยนตำแหน่งงานภายในภูมิภาค และการเสริมสร้างสภาพแวดล้อมการ ทำงานที่เท่าเทียม 

รวมถึงการลงทุนในเทคโนโลยีดิจิทัลแบงก์กิ้ง การวิเคราะห์ข้อมูล (Data analytics) และการใช้เทคโนโลยี AI ในการพัฒนานวัตกรรมที่ใช้ความต้องการของผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลาง (Human-centric innovations) เพื่อยกระดับการให้บริการและประสบการณ์ลูกค้า 

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่สำคัญ ได้แก่ Embedded Finance Solutions ซึ่งหมายถึงโซลูชันบริการทางการเงินแบบฝังตัวผ่านความร่วมมือกับแพลตฟอร์มดิจิทัลชั้นนำ ผสานเข้ากับชีวิตประจำวันของลูกค้าอย่างไร้รอยต่อ และช่วยให้สามารถทำธุรกรรมบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซได้อย่างราบรื่น ช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้ชีวิตง่ายได้ทุกวันอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ ธนาคารอยู่ระหว่างพิจารณาอัตราลดดอกเบี้ย หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 26 ก.พ.2568 ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จาก 2.25% เหลือ 2.00% ซึ่งได้ประมาณการไว้แล้วว่า กนง.ในคนั้งนี้จะลดอัตราดอกเบี้ย และคาดว่า กนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.00% ในปีนี้