posttoday

"อาทิตย์ แนะรัฐ-เอกชนร่วมแก้วิกฤติเศรษฐกิจเน้นฉีดเงินกระตุ้นระยะยาว

12 มกราคม 2567

อาทิตย์มองเศรษฐกิจไทยยังไม่หลุดพ้นผลจากโควิด แนะรัฐบาลและเอกชนร่วมแก้วิกฤติเศรษฐกิจ เน้นฉีดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจระยะยาว หลุดกับดักหนี้ครัวเรือนสูง

จากการพูดคุยกับรายการ Deep Talk ของกรุงเทพธุรกิจ 'หัวข้อวิกฤติต้มกบ 2567 คนไทยหนี้เพิ่ม-จนลง' อาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) SCBX ให้มุมมองภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันว่า ยังคงได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ด้วยโครงสร้างเศรษฐกิจไทยพึ่งพาการท่องเที่ยวค่อนข้างมาก ขณะที่การส่งออกที่เคยเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์หลัก ถูกกระทบจากการเปลี่ยนแปลง ทั้งพฤติกรรมผู้บริโภค ตลอดจนรูปแบบสินค้า ซึ่งส่งผลกระทบต่อความสามารถการแข่งขันของประเทศที่ลดลง จนได้รับผลกระทบรุนแรงจากวิกฤติในครั้งนี้มากกว่าประเทศอื่น ๆ

นอกจากนี้ จากการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในอดีตที่เคยขยายตัวได้เฉลี่ย 4-5% ต่อปี ซึ่งมักกระจุกตัวเฉพาะกลุ่มระดับบน ที่ปรับตัวได้เร็ว มีความแข็งแกร่งทั้งในด้านฐานทุนและโอกาส ดังนั้นแม้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ในระดับ 4-5% แต่เป็นการเติบโตที่ “ซ่อนปัญหา” เอาไว้มากนั่งเอง

"ภาพที่เห็นชัดเจนซึ่งทำให้เศรษฐกิจไทย อาจไม่ได้เติบโตอย่างที่ควรเป็น ปัญหาหนึ่งมาจาก “ปัญหาเชิงโครงสร้าง” ทั้งความสามารถการแข่งขัน การไม่สามารถลงทุนหรือขยายธุรกิจใหม่ๆได้ ทำให้คนที่อ่อนแอ หรือกลุ่มที่ไม่ได้เข้มแข็งอยู่เดิม โดนผลกระทบมากกว่าคนอื่น ๆ"

โดยอาทิตย์ เน้นย้ำอีกว่า การอัดฉีดเม็ดเงินสู่ระบบเศรษฐกิจ หรือ การใส่บรรจุเชื้อเพลิง ใหม่ ๆ เข้ามาสู่เศรษฐกิจ ไม่ว่าจะด้วยรูปแบบใดก็ตามเป็นสิ่งที่จำเป็น เพื่อทำให้ประเทศสามารถเดินไปข้างหน้าได้ แต่หากภาพรวมของคนส่วนใหญ่ยังไม่พร้อม จึงอาจต้องกลับมาดูปัญหาตรงนี้อย่างเร่งด่วน 

นอกจากนี้ หลายปีที่ผ่านมาหลายมักพยายามเข้าไปแก้ปัญหาแต่ไม่ได้ยั่งยืน เพราะเป็นเพียงการเยียวยา แต่ตราบใดที่ไม่มีแผนระยะยาวว่าจะเพิ่มรายได้ เพิ่มโอกาสในการมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างยั่งยืน สุดท้ายก็จะกลายเป็นลดทอน Resourc หรือทรัพยากรที่ต้องลงทุนในระยะยาว เหล่านี้คือสถานการณ์ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่

อย่างไรก็ตาม อาทิตย์มองว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นก็ยังมีความจำเป็น เพราะวันนี้มีทั้งคนที่เดือดร้อน มีรายได้ไม่เพียงพอ รายจ่ายมากกว่ารายได้ ดังนั้นนโยบายภาครัฐ ที่จะสนับสนุนให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระดับไมโคร ระดับตำบล ระดับอำเภอ เพื่อให้คนมีรายได้น้อยมีการบริโภคเพิ่มขึ้น สนับสนุนการค้าขาย ท้ายที่สุดจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยตามมา สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถประเมินความคุ้มค่าของมาตรการได้ ว่าคุ้มค่าหรือไม่คุ้ม แต่ช่วยบรรเทาความเดือนร้อนให้คนส่วนใหญ่ได้

“หากถามว่า การเติมเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเท่าใดถึงเพียงพอ คงไม่สามารถตอบได้ แต่วันนี้ มีประชาชนจำนวนมาก ที่มีรายได้น้อย ถูกผลกระทบมาหลายปี จำเป็นต้องดูแลทั้งในระยะสั้นและระยะยาว”

โดยย้ำว่าไม่เห็นด้วยหากรัฐบาลจะทำแต่นโยบายระยะสั้น โดยไม่มีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะยาว จึงต้องตั้งต้นก่อนว่าจะขับเคลื่อนประเทศไทยอย่างไร เพราะเศรษฐกิจไทยอาจกลับไปเติบโตได้ระดับ 5-6% แต่การเติบโตแล้วกระจุกเฉพาะคนกลุ่มบนอย่างเดียว ไม่สามารถกระจายความมั่งคั่งสู่คนระดับล่างได้ ก็ไม่มีความหมาย จึงต้องวางแผนให้ดีเพื่อจะให้คนส่วนใหญ่จำนวนมากได้ประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจด้วย

เร่งสางหนี้ครัวเรือน

ด้านปัญหาเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจไทยที่กำลังเผชิญอยู่ มีทั้งปัญหาระยะสั้น ปัญหาเร่งด่วน ที่มีผลข้างเคียงอย่างมาก เช่นจากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ผ่านมาพบว่า มีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างมากทั้งหนี้ในระบบและหนี้นอกระบบ ขณะที่กลุ่มรายได้ปานกลางและรายได้น้อยในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ลดลงไปมาก ดังนั้นคนกลุ่มนี้จะอยู่รอดได้ก็ต่อเมื่อกู้มาใช้จ่าย จึงทำให้หนี้ครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย 

โดยเฉพาะภาระหนี้ซึ่งมาจากภาระดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นระยะสั้น ยิ่งต้องเร่งช่วยเหลือ เพราะปัจจัยที่จะทำให้ประชาชนหลุดจากปัญหาหนี้อย่างถาวรได้ต้องใช้เวลา เนื่องจากหลายเรื่องเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่เป็นปัญหาระยะยาว แต่สุดท้ายปัญหาจะไม่ได้ถูกแก้ไขได้เลยหากภาพระยะสั้นยังไม่ถูกแก้ไขก่อน

อาทิตย์ยังสรุปภาพเศรษฐกิจประเทศไทยเวลานี้อีกว่า น่าจะต้องเป็นกบที่ผิวหนา และไม่รู้สึกว่าร้อนมาก ที่ผ่านมาปฏิเสธไม่ได้ว่าประเทศไทยมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ดี มีความพร้อม แต่ควรดีกว่านี้ได้มาก ไม่ควรที่จะต้องมีคนที่ลำบาก หรือไม่ได้รับผลกระทบอย่างมาก

ที่ผ่านมา ประเทศไทยยังมีปัญหาทั้งเรื่องการลงทุนที่ยังเกิดขึ้นน้อยมาก โดยเฉพาะ ในเรื่องการลงทุนที่เกี่ยวกันเทคโนโลยีใหม่ๆ หรือการลงทุนในเรื่องของ Climate Change ที่ทำให้หลายประเทศต้องตั้งกฎกติกา เพื่อนำไปสู่ความรับผิดชอบมากขึ้น ในเรื่องการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ที่ล้วนนำไปสู่การเปลี่ยนอุตสาหกรรม เปลี่ยนโปรดักต์ ดังนั้นมิติของการลงทุนเหล่านี้ การทำเรื่อง R&D สิ่งเหล่านี้ยังเกิดขึ้นน้อยมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากังวลในภาพระยะยาว

นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยยังเผชิญกับ “ปัญหาหนี้” ที่เป็นปัญหาเร่งด่วน และไม่ใช่ปัญหาที่สามารถแก้ไขได้ในช่วงสั้น ๆ  ด้วยปัญหาสะสมในช่วงที่ผ่านมาคือ คนมีรายได้น้อยหรือมีรายได้ไม่เพียงพอในการดำรงชีพ และมีการกู้นอกระบบจำนวนมาก ดังนั้นการแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ต้องทำหลายเรื่องประกอบกัน ทั้งการเพิ่มรายได้ เพื่อให้คนมีโอกาสทั้งทางตรงและทางอ้อม ที่เป็นโจทย์ใหญ่ประเทศ รวมถึงการจัดสรรทรัพยากร เพื่อให้คนส่วนใหญ่สามารถฉกฉวยโอกาสดังกล่าวได้

เชื่อปีนี้ดอกเบี้ยขาลง

สำหรับความเห็นต่อทิศทางดอกเบี้ยนั้น อาทิตย์มองว่าที่ผ่านมาอัตราดอกเบี้ยโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นตามประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ที่ทำให้เกิดกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย และความผันผวนเกิดขึ้น ซึ่งประเทศไทยก็ต้องปรับตัวตามกระแสหลักของโลก แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง โดยเฉพาะปีนี้มองว่า ทั้งเศรษฐกิจสหรัฐและไทยจะมีแรงกดดันด้านดอกเบี้ยลดลง ทำให้โอกาสที่จะเห็นอัตราดอกเบี้ยปรับลดลงได้ โดยเฉพาะหลังประเทศใหญ่ๆปรับลดดอกเบี้ยลง ทำให้มีโอกาสสูงที่จะเห็นอัตราดอกเบี้ยของไทยอ่อนตัวลงได้

อย่างไรก็ตามผลของการขึ้นดอกเบี้ยที่ผ่านมา ในมุมของธนาคารเองมีการดูแลลูกค้าอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ไปสร้างผลกระทบต่อลูกค้าที่ได้รับผลกระทบรุนแรงในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เพื่อช่วยลูกค้า ทั้งการเข้าไปปรับโครงสร้างหนี้ การยกเว้นดอกเบี้ย การปรับโครงสร้างเพื่อให้ดอกเบี้ยลูกค้าลดลง ในช่วงวิกฤติ แต่หลังจากนี้ภาพรวมกลับมาดีขึ้นหรือความเชื่อมั่นของคนโดยรวม ทั้งในตลาดหุ้น ตลาดหุ้นกู้ จะกลับมาได้

พร้อมกันนี้ ยังให้มุมมองอีกว่า โจทย์ใหญ่ของประเทศไทยในหลายเรื่องต้องการร่วมมือร่วมใจทำให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและหลายสิ่งยังเกิดขึ้นน้อย ทั้งการเอาเงินลงทุนใหม่เข้ามา การลงทุนเพื่อตอบสนองภาคเกษตรการต่อยอดธุรกิจภาคบริการ การทำให้ประเทศไทย เป็นประเทศที่น่าลงทุน

ทั้งนี้ยังเชื่อว่า ประเทศไทยยังมีความหวัง โดยเฉพาะหลังจากรัฐบาลใหม่เข้ามา ที่เห็นมิติเหล่านี้ และมีความตั้งใจในการผลักดันเรื่องต่าง ๆ ดังนั้นทุกภาคส่วนต้องหันมาเป็น “กองเชียร์” ช่วยกันเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ต่อประชาชนส่วนใหญ่ เพื่อให้เราทุกคนสามารถเดินจากวิกฤติที่ผ่านมาด้วยความแข็งแรงได้

“หากเราไม่ทำอะไร เราจะยิ่งถดถอยลง เพราะในโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงยุคนี้ ไม่เหลือที่ สำหรับคนที่ไม่ได้อยู่ข้างหน้ามากนัก ดังนั้นการที่เราพัฒนาช้า จะเป็นตัวทวีคูณผลกระทบทางลบอย่างคาดไม่ถึง ดังนั้นต้องช่วยกัน มองไปข้างหน้า มองผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก ต้องช่วยกัน เพื่อทำให้เกิดขึ้น อย่ามัวแต่คิด วิจารณ์ เห็นต่าง จนไม่สามารถทำอะไรได้เลย”

ข่าวล่าสุด

เปิดโผกลุ่มหุ้นได้-เสียประโยชน์ เงินบาทแข็งค่าสุดในรอบ 4.5 ปี