posttoday

SCB EICมองเศรษกิจไทยปีหน้าคาดขยายตัว3%แต่หั่นGDPปีนี้เหลือ2.6%

14 ธันวาคม 2566

SCB EIC ฉายภาพเศรษฐกิจไทยปีหน้าขยายตัว 3% จากส่งออกและลงทุนภาคเอกชนดีขึ้น แต่ปีนี้ฟื้นแผ่วและเปราะบางจนหั่น GDP โตเพียง 2.6% เล็ง FED ลดดอกเบี้ยเร็วขึ้นใน Q2/2024 ส่งเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง

SCB EIC ประเมินเศรษฐกิจไทยในปี 2567 จะขยายตัวต่อเนื่องที่ 3.0% แต่จะฟื้นตัวได้ช้าและขยายตัวต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 3.5% จากแรงส่งเศรษฐกิจที่ชะลอลงทั้งการบริโภคภาคเอกชนที่เติบโตสูงในปี 2566 และรายได้ครัวเรือนที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาด โดยเฉพาะกลุ่มรายได้น้อย นักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัวช้ากว่าคาดการณ์ ซึ่งได้ประมาณการนักท่องเที่ยวต่างชาติปีหน้า ลงมาอยู่ที่ 36.2 ล้านคน จากนักท่องเที่ยวจีนที่ใช้เวลาฟื้นตัว นานขึ้น และการแข่งขันจากมาตรการดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนของหลายประเทศ ตลอดจนการลงทุนภาครัฐที่ยังขยายตัวต่ำจากความล่าช้าของ พ.ร.บ. งบประมาณประจำปี 2567

"ใน 3-5 ปีข้างหน้ามองว่า GDP น่าจะอยู่ที่ 3% ได้ ถ้าไม่เจอช็อคมากกว่านี้ เพราะ 3% ก็ถือว่าเป็นการขยายตัวทีต่ำแล้ว ด้วยมองว่าการลงทุนไม่น่าจะลดลงมากไปกว่านี้แล้ว" จากมุมมองของดร.สมประวิณ มันประเสริฐ รองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงาน Economic  Intelligence Center (EIC) และรองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงานกลยุทธ์องค์กร ธนาคารไทยพาณิชย์

แม้ว่าจะมีปัจจัยหนุนจากการส่งออกจะกลับมาขยายตัว จากแนวโน้มการค้าโลกที่ขยายตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะภาพรวมการส่งออกสินค้ารายอุตสาหกรรมส่วนใหญ่จะกลับมาขยายตัวได้ เช่นเดียวกับที่การลงทุนภาคเอกชนจะฟื้นตัวดีตามการฟื้นตัวของการส่งออก แนวโน้มมูลค่าขอรับการส่งเสริมการลงทุน รวมถึงนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากภาครัฐ อีกทั้งมองว่าไทยสามารถดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ได้มากขึ้นใน Strategic industry เช่น อิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ โดยเฉพาะจากจีน เพื่อขยายฐานการผลิตในภูมิภาค

อย่างไรก็ตาม กลุ่มธุรกิจที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้โตต่อไป ได้แก่ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มที่เติบโตตามประชากรและการใช้จ่าย เช่นเดียวกับกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จะเป็นวัฎจักรการเติบโตที่จะวนกลับมาด้วย รวมไปถึงกลุ่มยานยนต์และท่องเที่ยวด้วย 

ทั้งนี้ SCB EIC ได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2566 เป็น 2.6% จากเดิม 3.1% ด้วยข้อมูลไตรมาส 3 ต่ำกว่าคาดมาก การใช้จ่ายภาครัฐหดตัวแรงขึ้น และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มลดลงจากประมาณการเดิม ส่วนหนึ่งจากนักท่องเที่ยวจีนที่ฟื้นตัวช้า 

แม้ว่าจะมีนโยบายแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต ทาง SCB EIC ก็จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 2.5%  ตลอดปีหน้า ด้วยประเมินว่าที่ผ่านมาเงินเฟ้อจากปัจจัย Supply มีความผันผวนสูงกว่าด้าน Demand และมีการกระจายตัวแบบเบ้ขวา สะท้อนว่าเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เงินเฟ้อไทยสูง

ดังนั้นแม้ด้วยโครงการดิจิทัล วอลเล็ต จะช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจขยายตัวได้สูงกว่าระดับศักยภาพ และอาจก่อให้เกิดแรงกดดันเงินเฟ้อ แต่ผลดังกล่าวเป็นเพียงผลชั่วคราว และเศรษฐกิจไทย จะกลับมาขยายตัวในระดับศักยภาพดังเดิม จึงส่งผลต่อเงินเฟ้อต่ำและเงินเฟ้อยังมีแนวโน้มอยู่ในกรอบ 1-3% ของ ธปท.

แต่ยังต้องระวังความเสี่ยงดอกเบี้ยสูงนาน จะส่งผลกับความสามารถในการชำระหนี้ของกลุ่มเปราะบาง ความเสี่ยงการระดมทุนของภาคธุรกิจในตลาดหุ้นกู้ และ.ความเสี่ยงสภาพคล่องของ Non-bank บางราย

นอกจากนี้ SCB EIC ยังประเมินทิศทางอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทในระยะต่อไปอีกว่า เงินบาทจะแข็งค่าต่อเนื่อง ซึ่งให้กรอบที่ 32-33 บาทต่อดอลลาร์ ณ สิ้นปี 2567 จากปัจจัยเศรษฐกิจไทยส่งสัญญาณฟื้นตัวต่อเนื่อง 

อีกทั้งด้วยมาตรการกระตุ้นขนาดใหญ่ของภาครัฐจะสนับสนุนเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวสูงขึ้นในปีหน้า ขณะที่หนี้สาธารณะที่มีแนวโน้มสูงขึ้นจะยังไม่ทำให้ไทยถูก Credit rating downgrade

รวมถึง FED มีแนวโน้มลดดอกเบี้ยเร็วขึ้นภายในไตรมาส 2 ของปีหน้า จาก Sentiment เศรษฐกิจจีนปรับดีขึ้น และคาดว่า BOJ อาจปรับนโยบายการเงินให้ผ่อนคลาย ลดลงทำให้เงินเยนแข็งค่า ส่งผลให้สกุลเงินอื่นในภูมิภาคแข็งค่าตามเช่นกัน

ทั้งนี้ยังต้องจับตาหลายปัจจัยเสี่ยงที่จะมีผลต่อเศรษฐกิจไทยในปี 2567 ก็ได้แก่ ปัญหาทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจรุนแรงขึ้น  เช่น สงครามอิสราเอลและปาเลสไตน์อาจขยายวงกว้าง สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่อาจร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง การเลือกตั้งไต้หวันที่อาจก่อให้เกิดความตึงเครียดในภูมิภาคหรืการแบ่งขั้วทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯและจีน อาจกระเทือนห่วงโซ่อุปทานโลก

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากปัญหาภัยแล้วที่รุนแรงกว่าคาด ส่งผลให้ผลผลิตสินค้าเกษตรชะลอตัวแรง อีกทั้งปัญหาตัวเลขหนี้สูง ทั้งภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจกดดันด้านบริโภคและการลงทุน ตลอดจนความเสี่ยงในระบบการเงินจากภาวะดอกเบี้ยสูงมานาน

SCB EICมองเศรษกิจไทยปีหน้าคาดขยายตัว3%แต่หั่นGDPปีนี้เหลือ2.6%

สำหรับเศรษฐกิจโลกในปี 2567 มีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงเป็น 2.5% จาก 2.7% ในปี 2566 จากผลของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงเงินออมส่วนเกินที่ใกล้หมด โดยเฉพาะสหรัฐฯ นอกจากนี้ เศรษฐกิจจีนยังมีแนวโน้มชะลอลงทั้งในระยะสั้นและระยะปานกลางจากปัจจัยเชิงโครงสร้างที่กดดัน ในระยะปานกลางเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น แต่จะขยายตัวต่ำกว่าช่วงก่อนโควิดจากปัจจัยกดดันรอบด้าน โดยเฉพาะปัญหาภูมิรัฐศาสตร์
 

SCB EICมองเศรษกิจไทยปีหน้าคาดขยายตัว3%แต่หั่นGDPปีนี้เหลือ2.6%

 

ข่าวล่าสุด

โปรแกรมบอลวันนี้ ดูบอลสด ถ่ายทอดสด ผลบอลสด วันอังคารที่ 23 ธ.ค. 68