Dietz ดันระบบสาธารณสุขไทย หวังบริการแพทย์ทางไกลครอบคลุมทุกพื้นที่
"พงษ์ชัย เพชรสังหาร" ซีอีโอ Dietz Telemedicine Station ดันระบบสาธารณสุขไทย หวังโรงพยาบาลขานรับนโยบายภาครัฐ ขยายบริการแพทย์ทางไกล ร่นเวลาเดินทาง-เซฟค่าใช้จ่าย ช่วยผู้ป่วยพื้นที่ห่างไกลเขาถึงบริการทางการแพทย์
เนชั่นกรุ๊ป จัดมหกรรมการแสดงสินค้า และความรู้เพื่อการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและมั่งคั่ง “Health & Wealth Expo 2023” โดยภายในงานยังมีเวทีกิจกรรมให้ความรู้ ทั้งการเงิน สุขภาพ ตั้งแต่วันที่ วันที่ 9-12 พฤศจิกายน 2566 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
สำหรับเวที Health & Wealth Expo 2023: เสวนาสุดพิเศษจาก กูรูตัวจริง บนโลกออนไลน์ ในช่วง Special Talk: นวัตกรรมเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น จาก ETDA 's Hackathon 2023 Dietz Telemedicine Station ระบบการแพทย์ออนไลน์แบบครบวงจร ที่ทำให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงแพทย์ได้ทุกที่ แม้อยู่ในพื้นที่ห่างไกลที่สัญญาณอินเทอร์เน็ตเข้าไม่ถึง โดย คุณพงษ์ชัย เพชรสังหาร CEO, Dietz Telemedicine Station ให้ความเห็นว่า
ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ตนได้เห็นปัญหาระบบการรักษาทางการแพทย์ของโรงพยาบาลในไทย ไม่ว่าจะเป็นด้านการเดินทาง การลงทะเบียนผู้ป่วย การรอคิวเพื่อเข้ารับการวินิจฉัย แม้เวลาจะผ่านไปหลายสิบปีเทคโนโลยีทางการแพทย์มีความเจริญก้าวหน้า แต่สถานการณ์ในโรงพยาบาลของไทยยังไม่มีความต่างจากในอดีตมากนัก
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือจากภิกษุสงฆ์ที่อาศัยอยู่ในอำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งต้องเดินทางกว่า 200 กิโลเมตรเพื่อเข้ารับบริการทางการแพทย์ในตัวเมือง กินเวลาเดินทางไป-กลับแล้ว 8 ชั่วโมง รอคิวเพื่อพบแพทย์อีก 4 ชั่วโมง แต่ได้รับการวินิจฉัยเพียง 5 นาที ซึ่งการรักษาไม่ได้จบในวันเดียว ยังต้องเฝ้าติดตามอาการอยู่เรื่อยๆ และในบางครั้งเรื่องของปัจจัยก็ถือเป็นเหตุผลหลักที่ส่งผลให้คนไข้ไม่สามารถมาพบแพทย์ได้ตามนัด
ตนตระหนักว่า ประชาชนกว่า 90% เลือกที่จะเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของรัฐ ทำให้สถานที่เกิดความแออัด รวมถึงตัวบุคลากรก็ได้รับความเครียดตามไปด้วย ทางด้านแพทย์เองก็อยากคุยกับคนไข้นานๆ แต่เนื่องจากใน 1 วัน ต้องวินิจฉัยคนไข้เยอะมาก เวลามีจำกัด จนบางครั้งอาจส่งผลให้เกิดการวินิจฉัยที่ผิดพลาดหรือคลาดเคลื่อนไปบ้าง แต่ในเมื่อเราเข้าสู่ยุคใหม่แล้ว เราน่าจะนำธุรกิจต่างๆเข้ามาช่วยวงการสาธารณสุขให้ดียิ่งขึ้น
ตนและ Dietz จึงได้พัฒนาการแพทย์ทางไกล โดยทำระบบให้กับโรงพยาบาลในการช่วยเหลือดูแลคนไข้ให้ดียิ่งขึ้น เราเน้นในการช่วยเหลือผู้ป่วยกว่า 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ทั่วประเทศที่รักษาในโรงพยาบาลรัฐ จากเดิมที่คนไข้ต้องเดินทางกว่า 100 กิโลเมตรเพื่อมารอคิวที่โรงพยาบาลในตัวจังหวัด ระยะเวลาตรงนี้จะถูกร่นไปเหลือเพียง 4-5 นาที เพราะคนไข้สามารถเดินทางไปยังสถานีอนามัยใกล้บ้านได้เลย แค่พกบัตรประชาชนมาลงทะเบียน ตรวจสอบสิทธิการรักษาก็สามารถคุยกับคุณหมอผ่านระบบออนไลน์ได้ ขณะที่การจ่ายยาจากเดิมที่อาจต้องรอหลายชั่วโมง ก็จะเหลือแค่ 15 นาที และคนไข้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
หากคนไข้มีสมาร์ทโฟนก็สามารถแอดไลน์ของโรงพยาบาลและตรวจสอบใบนัด คุยกับคุณหมอ และชำระเงินในส่วนต่างของสิทธิต่างๆได้เลย ไม่ว่าจะเป็น 30 บาทรักษาทุกโรค ประกันสังคม สิทธิข้าราชการ ฯลฯ ขณะที่การจ่ายยาทางโรงพยาบาลสามารถส่งตรงให้ถึงบ้านของคนไข้ได้เลย
ในช่วงโควิดที่ผ่านมา เรามีโอกาสช่วยเหลือผู้ป่วยประมาณ 200,000 คน ในกว่า 200 โรงพยาบาลทั่วประเทศด้วยการทำระบบ Home isolation หรือการรักษาผู้ป่วยโควิดที่บ้าน และถึงแม้โควิดจะเริ่มทุเลาลง แต่โรงพยาบาลต่างๆยังใช้ระบบการแพทย์ทางไกลอยู่ เพราะทางภาครัฐมีนโยบายสนับสนุนในจุดนี้ จึงถือเป็นโอกาสที่ดีที่โรงพยาบาลรัฐทุกแห่งจะขยายการให้บริการการแพทย์ทางไกลให้ได้ถึง 60% ของผู้ป่วยโรคเรื้อรังภายในปี 2027
นอกจากนี้ ตนยังเล็งเห็นว่าในฐานะคนไข้บางครั้งเราก็ไม่อยากไปหาหมอ หรือติดตามอาการของโรคที่ไม่หนักมากนัก ดังนั้นหากมีเทคโนโลยีที่เข้ามาหนุนการติดตามอาการคนไข้จากที่ไหนก็ได้ ถือเป็นโอกาสสำคัญของสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการในการพัฒนาและขยายการแพทย์ทางไกลให้เติบโตมากขึ้น


