รู้เท่าทัน! แอปเงินกู้ 'จริง-ปลอม' ป้องกันโดนหลอก
รองโฆษกฯเตือนประชาชนรู้เท่าทันมิจฉาชีพ ชี้จุดสังเกตแอปเงินกู้ของจริง-ปลอม ป้องกันโดนหลอก พร้อมเช็คลิสต์ผู้ให้บริการตัวจริงที่ได้รับอนุญาตที่เว็บไซต์ธนาคารแห่งประเทศไทยฯ
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัจจุบันบริการทางการเงินผ่านช่องทางออนไลน์มีความหลากหลาย โดยเฉพาะการให้สินเชื่อผ่านแอปพลิเคชัน ผู้ใช้บริการก็ให้ความนิยมเนื่องจากมีความสะดวกสบาย แต่ก็กลายเป็นช่องให้มิจฉาชีพเข้ามาหลอกลวง ฉกฉวยเอารัดเอาเปรียบประชาชน มีตัวอย่างให้เห็นในข่าวตามสื่ออยู่เป็นระยะ
ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)มีข้อแนะนำเกี่ยวกับวิธีการสังเกตแอปพลิเคชันเงินกู้ว่าลักษณะแบบไหนเป็นแอปฯ ที่อยู่ในระบบได้รับการกำกับโดยแบงก์ชาติ แบบไหนเป็นแอปฯเงินกู้นอกระบบ หรือลักษณะใดเป็นแอปฯปลอม เพื่อเป็นความรู้ป้องกันไม่ให้ประชาชนถูกหลอกจากมิจฉาชีพ
สำหรับกรณีแอปฯเงินกู้ที่ถูกกฎหมายจะต้องเป็นแอปฯของผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาตจาก ธปท. ซึ่งปัจจุบันมีผู้ได้รับอนุญาตที่เป็นสถาบันการเงิน 39 แห่ง และที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน(นอนแบงก์) 120 แห่ง โดยผู้สนใจสามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซต์ของ ธปท. หรือ https://bit.ly/3OG6vb7_BOT_license-loan
ขณะที่ ผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาตจะถูกกำกับโดยกฎหมายที่เข้มงวด จ่ายเงินกู้ให้เต็มจำนวนตามกู้ และคิดอัตราดอกเบี้ยตามที่กำกฎหมายกำหนด คือสินเชื่อส่วนบุคคลต้องคิดดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 25 ต่อปี สินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพ(นาโน ไฟแนนซ์)ไม่เกินร้อยละ 33 ต่อปี บัตรเครดิตไม่เกินร้อยละ 16 ต่อปี โดยสามารถเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขการให้สินเชื่อแต่ละราย ได้ที่เว็บไซต์ของ ธปท. https://app.bot.or.th/1213/MCPD/ProductApp/PersonalLoan
อย่างไรก็ดี หากมีผู้มาเสนอให้บริการสินเชื่อผ่านแอปฯ ขอให้สนใจจะกู้เงินตรวจสอบรายชื่อผู้ได้รับอนุญาตตามช่องทางข้างต้นก่อน หากตรวจแล้วไม่พบชื่อ หรือมีชื่อแต่ผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอไม่ตรงกับที่แจ้งไว้กับ ธปท.ขอให้คาดการณ์ไว้ก่อนว่าเป็นมิจฉาชีพที่เป็นไปได้ทั้งแอปฯเงินกู้นอกระบบ หรือแอปฯปลอม
โดยกรณีแอปฯ เงินกู้นอกระบบจะมีลักษณะให้เงินกู้ไม่เต็มจำนวนตามกู้ เช่นอ้างว่าหักเป็นค่าดำเนินการ หักดอกเบี้ยไว้ล่วงหน้า แต่ผู้กู้ยังต้องชำระเต็มจำนวน มีการคิดดอกเบี้ย/ค่าปรับสูงกว่าที่กฎหมายกำหนดมาก ระยะเวลาการชำระคืนสั้น มีการทวงหนี้แบบข่มขู่ คุกคาม ซึ่งกรณีที่พบบ่อยคือเมื่อติดตั้งแอปพลิเคชันลงโทรศัพท์มือถือแล้ว ผู้ปล่อยกู้จะสามารถเข้าถึงรายชื่อในโทรศัพท์ของผู้กู้จะมีการส่งข้อความ หรือโทรหาบุคคลต่างๆตามรายชื่อในโทรศัพท์เพื่อข่มขู่ประจานให้ผู้กู้อับอาย เป็นต้น ส่วนถ้าเป็นแอปฯเงินกู้ปลอมจะหลอกให้โอนเงินเป็นค่าใช้จ่ายก่อน เช่น ค่าค้ำประกัน ค่าทำสัญญา แล้วให้โอนอีกเรื่อยๆ แต่สุดท้ายไม่ได้ให้กู้จริง
“ภาครัฐมีการปรับปรุงกฎหมายและกระบวนการทำงาน เร่งรัดกวาดล้างมิจฉาชีพที่แพร่ระบาดในช่องทางออนไลน์เป็นจำนวนมาก แต่การแจ้งเตือนให้ประชาชนให้ระมัดระวัง เท่าทันกลโกงมิจฉาชีพ รู้วิธีหรือจุดสังเกตเปรียบเทียบได้บริการทางการเงินในช่องทางออนไลน์จะเป็นการป้องกันที่สำคัญและลดความเสียหายที่เกิดขึ้นได้มาก”น.ส.ไตรศุลี กล่าว