posttoday

TCRB หวังสินเชื่อโต 20% ปีนี้ ปั้น Micro Pay E- Wallet เก็บข้อมูลลูกค้าเชิงลึก

22 มีนาคม 2566

ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย (TCRB) วางเป้าสินเชื่อปีนี้เติบโต 20% หรือแตะ 1.45 พันล้านบาท ปั้น Micro Pay E- Wallet ช่วยเก็บข้อมูลลูกค้าเชิงลึก คาดผลักดันผู้ใช้งานเพิ่มเป็น 500,000 ราย

นายรอยย์ ออกุสตินัส กุนารา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย (TCRB) เปิดเผยว่าได้ดำเนินธุรกิจสินเชื่อเพื่อรายย่อยมากกว่า 10 ปี กลุ่มเป้าหมายหลักคือ ประชาชนฐานรากของประเทศที่มีรายได้น้อยได้แก่เจ้าของกิจการร้านค้าขนาดเล็ก ขนาดกลาง รวมถึงผู้ประกอบการ SMEs ที่มีขีดจำกัดในเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพราะเล็งเห็นว่าเป็นกลุ่มเป้าหมายธุรกิจและเป็นกลุ่มขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ  

สำหรับเป้าหมายสินเชื่อในปี 2566 คาดว่าจะเติบโต 20% หรือภายในสิ้นปี ยอดสินเชื่อแตะระดับ 1.45 พันล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ  1.22 พันล้านบาทขณะที่มีตัวเลขสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (์NPLs) ที่ 3.9% โดยปัจจุบันมีลูกค้าสินเชื่อไมโคร เอสเอ็มอี (ยอดปล่อยสินเชื่อตั้งแต่ 500,000 บาท – 35 ล้านบาท) จำนวน 17,000 ราย  และกลุ่มลูกค้าไมโคร ไฟแนนซ์ (ยอดปล่อยสินเชื่อเฉลี่ย 100,000 บาทรายต่อราย) มีจำนวน 250,000 ราย

ทั้งนี้ TCRB มองว่า การให้กลุ่มคนเหล่านี้เข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ถูกต้องตามกฎหมาย ช่วยแก้ปัญหาหนี้นอกระบบให้เข้าสู่ระบบ รวมถึงแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และสังคม ตลอดจนยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

นายรอยกล่าวอีกว่า ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายหลักของเราคือประชาชนฐานรากของประเทศ เป็นพ่อค้าแม่ขายตามตลาดสด ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่มีใครมีฐานข้อมูล ไม่มีใครทราบถึงฐานรายได้ แต่ธนาคารได้ใช้ระยะเวลากว่า 10 ปี ในการเริ่มต้นธุรกิจให้บริการสินเชื่อ ควบคู่ไปกับการจัดเก็บข้อมูลของลูกค้า

จนปัจจุบันแอพพลิเคชั่นที่พนักงาน TCRB ใช้เก็บข้อมูลลูกค้านั้น ทำให้เกิดฐานข้อมูลครอบคลุมตลาดสดกว่า 10,000 แห่งทั่วประเทศไทย ในจำนวนนี้ พบว่ามีตลาดสดราว 5,000 แห่ง ที่มีแผงขายของมากกว่า 200 แผง  และอีก 5,000 แห่ง เป็นตลาดสดที่มีแผงน้อยกว่า 200 แผง 

TCRB หวังสินเชื่อโต 20% ปีนี้ ปั้น Micro Pay E- Wallet เก็บข้อมูลลูกค้าเชิงลึก

ทั้งนี้  TCRB ไม่เพียงให้กลุ่มคนเหล่านี้เข้าถึงแหล่งเงินลงทุนที่ถูกกฎหมาย แต่ยังช่วยพัฒนาความรู้ขั้นพื้นฐานในเรื่องการบริหารจัดการการเงินเบื้องต้น ผ่าน “โครงการตังค์โต” ซึ่งเป็นโครงการที่ช่วยให้ลูกค้าและประชาชนที่เข้ามาลงทะเบียนเรียนรู้การบริหารจัดการการเงินเบื้องต้นแบบยั่งยืน

อย่างไรก็ตาม เหตุผลสาเหตุที่ธนาคารให้ความสำคัญกับการให้ความรู้วินัยทางการเงิน เพราะเห็นว่าหากกลุ่มพ่อค้าแม่ขาย มีความรู้ทางการเงินจะเป็นวัคซีนป้องกันไม่ให้กลับเข้าไปสู่วงจรหนี้นอกระบบอีก การลดหนี้นอกระบบจะช่วยผลักดันเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศชาติอีกทางหนึ่ง 

ทั้งนี้ตลอดเวลา 7 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ปี 58 มีลูกค้าจำนวน 60% ที่ได้นำเงินกู้ไปจ่ายหนี้นอกระบบ ซึ่งธนาคารได้เดินหน้าช่วยเหลือลูกค้าในการแก้ปัญหาหนี้ ส่งผลให้ปัจจุบันเหลือลูกค้าที่ต้องนำเงินกู้ไปจ่ายหนี้นอกระบบเพียง 5% ทั้งนี้เองในตลาดหนี้นอกระบบยังมีจำนวนนวนลูกค้าที่เป็นหนี้อยู่มาก ถือเป็นโอกาสในการเข้าไปช่วยเหลือในการเป็นแหล่งเงินกู้ที่ถูกกฎหมาย ซึ่งมีลูกค้าใหม่ที่เข้ามาขอเงินกู้เฉลี่ย 7 พันคน/เดือน

นอกจากนี้ธนาคาร TCRB ยังนำเทคโนโลยีมาใช้ในการให้บริการ ด้วยการพัฒนาแพลตฟอร์ม “Micro Pay E- Wallet” ที่ออกแบบเพื่อสร้างอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า ซึ่งเป็นมิตรกับผู้ใช้งานและสร้างประสบการณ์รับรู้การใช้งานดิจิทัล ตลอดจนมีข้อสำคัญจะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของพ่อค้าแม่ค้าที่เป็ฯลูกค้าของธนาคารให้ดีขึ้น

"เพราะ Micro Pay E- Wallet สามารถให้ลูกค้าดำเนินธุรกรรมต่าง ๆ ได้ครบจบภายในแอปฯเดียว โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปที่สาขา" 

ขณะเดียวกัน Micro Pay E- Wallet ยังช่วยให้ TCRB เข้าถึงข้อมูลลูกค้า และพฤติกรรมของผู้บริโภคได้อย่างลึกซึ้งอีกด้วย โดยธนาคารเริ่มให้บริการ Micro Pay E- Wallet มาแล้ว 3 ปี จนปัจจุบันมีผู้ใช้งาน 350,000  ราย ตั้งเป้าหมายภายในสิ้นปีนี้ จะผลักดันผู้ใช้งานแตะระดับ 500,00  ราย

ล่าสุด Micro Pay e-Wallet มียอดดาวน์โหลด 3.22 แสนดาวน์โหลด และมีบัญชีที่แอคทีฟ 1.11 แสนบัญชี ซึ่งเปิดฟรีไม่มีค่าธรรมเนียม โดยได้ทำการเปิดตัวตั้งแต่ปี 63 ใช้เงินลงทุนไปแล้วราว 400-500 ลบ. และจะเดินหน้าลงทุนในการพัฒนาด้านดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง

TCRB หวังสินเชื่อโต 20% ปีนี้ ปั้น Micro Pay E- Wallet เก็บข้อมูลลูกค้าเชิงลึก

นายรายยังกล่าวทิ้งท้ายอีกว่า ส่วนหนึ่งที่ทำให้ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย เป็นหนึ่งในธนาคารรายย่อยที่เติบโตเร็ว มาจากการออกแบบรูปแบบธุรกิจด้วยการให้คนในท้องถิ่น หรือในชุมชน ซึ่งมีความใกล้ชิดกับกลุ่มลูกค้า เป็นเจ้าหน้าที่สินเชื่อ ทำหน้าที่วิเคราะห์สินเชื่อ จนปัจจุบันมีพนักงานกว่า 4 พันคน ซึ่งมาจากชุมชนนั้น  ๆ จนแทบจะถือว่าเป็นข้อมูลเชิงลึกยิ่งกว่าฐานข้อมูล KYC (Know your customer) ตลอดจนสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ดี จน Cost to income ratio หดตัวลงเหลือ 39% จากระดับ 5 ปีที่ผ่านมาสูงถึง 60-70%