ฟิวเจอร์ สกูล โรงเรียนอนาคตสไตล์ฟูจิตสึ
8...พรหมเมศร์ ศิริสุขวัฒนานนท์
จินตนาการถึงภาพของโรงเรียนในอนาคตที่อยากให้ลูกหลานได้เข้าไปศึกษาหาความรู้กันแล้ว คิดว่าหน้าตาจะออกมาเป็นแบบไหน จะรู้ได้อย่างไรว่าเด็กนักเรียนไปถึงโรงเรียนอย่างปลอดภัยหรือไม่ การเรียนการสอนจะอยู่แต่ในห้องเรียน หรือเปิดโอกาสให้นักเรียนสามารถหาความรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา แม้แต่การบริหารจัดการที่จะทำให้ครูมีเวลาเอาใจใส่กับหลักสูตรและตัวนักเรียนมาขึ้นได้อย่างไร ทั้งหมดยังเป็นคำถาม โดยมีเป้าหมายที่จะยกระดับมาตรฐานการศึกษาของไทยให้ขึ้นนำหน้าต่างประเทศให้ได้
คำตอบหนึ่งที่หลายๆ คนเคยได้รับ คือ การนำระบบไอทีเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับโรงเรียน แต่จะออกมาในลักษณะใด
บริษัท ฟูจิตสึ ซิสเต็ม บิสซิเนส (ประเทศไทย) ได้เสนอโครงการ
“ฟิวเจอร์ สกูล” เป็นการนำระบบไอทีเข้ามาใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อฉายภาพของโรงเรียนในแบบที่ควรจะเป็นในอีก 23 ปีข้างหน้า โดยร่วมมือกับพันธมิตรทั้งด้านคอนเทนต์ แอพพลิเคชัน และผู้วางระบบไอทีในประเทศ ซึ่งเบื้องต้นจะมี 3 รายหลัก คือ บริษัท เดอะบีนายน์ กรุ๊ป บริษัท ไอทีเวิร์คส์ และบริษัท อีโมชั่น มีเดีย พลัส ซึ่งทั้งสามรายนี้ถือเป็นพระเอกหลักในโครงการนี้วรงค์ ลีละหุต ผู้อำนวยการฝ่ายขาย ของฟูจิตสึ เปิดเผยว่า ฟูจิตสึมีโครงข่ายมีระบบไอทีอยู่แล้ว ที่ผ่านมาอาจจะบุกทำตลาดลูกค้าองค์กรเป็นหลัก แต่ตอนนี้มาเห็นแล้วว่าสถาบันการศึกษามีความต้องการใช้งาน แต่อาจจะติดขัดเรื่องงบประมาณ หรือมีความต้องการในลักษณะโซลูชันรวม จึงเกิดเป็นโครงการนี้ ที่สำคัญยังเป็นการเปิดตลาดให้กับพันธมิตรได้ทำตลาดได้อย่างกว้างขวางมากขึ้นอีกด้วย
ทั้งนี้ โซลูชันหลักประกอบด้วย ระบบรักษาความปลอดภัยและยืนยันตัวตนของนักเรียน ระบบจัดการห้องสมุด ระบบคลังข้อสอบและระบบตรวจข้อสอบอัตโนมัติ และระบบการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ ซึ่งทั้งหมดโรงเรียนจะได้เห็นทุกอย่างก่อนใช้จริง ถ้าโรงเรียนสนใจก็สามารถทำได้ทันที
“
จริงๆ ความร่วมมือนี้มีการหารือมาระยะหนึ่งในการสร้างโซลูชัน มาลงตัวในตอนนี้พอดี วางแผนว่าจะเปิดตัวในการประชุมสมาคมผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งประเทศไทย ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ในวันที่ 1619 ก.พ.นี้ ซึ่งมีโรงเรียนเข้าร่วมกว่า 3,000 โรงเรียน จะเอื้อต่อการเปิดตัวและทำให้โรงเรียนรวมกลุ่มกันเพื่อซื้อระบบได้ง่ายขึ้น”กีรติพงศ์ เกษมสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของเดอะบีนายน์ กล่าวว่า หากลูกค้าโรงเรียนแยกซื้อกันทีละโรงเรียนจะใช้งบประมาณสูง แต่ถ้าโรงเรียนจำนวนมากซื้อระบบพร้อมๆ กัน ทางผู้พัฒนาระบบก็สามารถลดต้นทุนและลดราคาได้มาก ในอีกทางหนึ่งการร่วมมือกับฟูจิตสึ เหมือนกับมีหัวเรือใหญ่เข้าไปเสนอโครงการให้กับกลุ่มโรงเรียนได้ ผู้พัฒนาไอทีก็สามารถทำตลาดไปพร้อมๆ กันได้
ส่วนโซลูชันของบีนายน์ เป็นระบบการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นจุดอ่อนของเด็กไทย และโรงเรียนต้องใช้งบประมาณสูงในการติดตั้งระบบ หากใช้ซอฟต์แวร์ต่างประเทศจะมีราคาสูงมาก ข้อดีของบีนายน์ คือ ที่ราคาเท่ากัน บีนายน์สามารถติดตั้งระบบให้ได้กับคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในโรงเรียน และนักเรียนสามารถนำกลับไปใช้ที่บ้านได้ด้วย เป็นการขยายเวลาในการเรียนรู้ ถ้าเทียบกับซอฟต์แวร์ต่างประเทศที่อาจจะติดตั้งได้ 3050 เครื่อง และไม่สามารถนำกลับไปใช้ที่บ้าน
“
ซอฟต์แวร์ของบีนายน์การันตีโดยบริษัท เชฟรอน ที่ใช้ให้วิศวกรฝึกอบรมภาษาก่อนไปอบรมต่างประเทศ มีองค์กรขนาดใหญ่และโรงเรียนมหาวิทยาลัยนำไปใช้แล้ว”สร้างบุญ แสงมณี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของไอทีเวิร์คส์ กล่าวว่า บริษัททำระบบยืนยันตัวนักเรียน ทั้งระบบลายนิ้วมือและอาร์เอฟไอดี ยืนยันว่านักเรียนมาโรงเรียนหรือไม่ มาถึงเวลาเท่าใดจัดทำเป็นบันทึกให้ผู้ปกครอง และสามารถกำหนดให้มีการแจ้งเตือนได้ เช่น 30 นาที หลังจากโรงเรียนเข้าจะมีข้อความสั้น หรือเอสเอ็มเอส เตือนไปยังโทรศัพท์มือถือผู้ปกครองของนักเรียนที่ไม่ได้รับการยืนยัน
ข้อดีของการรวมตัวกันเสนอเป็นโครงการ เป็นการขยายตลาด เช่น บีนายน์อาจจะเชี่ยวชาญในภาคเหนือ ขณะที่ไอทีเวิร์คส์อยู่ในภาคอีสาน พอรวมตัวกัน ก็จะเสนอโซลูชันให้กับลูกค้าได้ เป็นการขยายตลาดไปทั่วประเทศได้ง่ายขึ้น
ศดายุ ทองเสริม ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายการตลาดของอีโมชั่น มีเดีย พลัส กล่าวว่า บริษัททำระบบอีเทสติง หรือคลังข้อสอบ ที่รวบรวมข้อสอบจำนวนมาก และสามารถเพิ่มข้อสอบใหม่ๆ เข้าไปได้ ทำให้นักเรียนสามารถทำข้อสอบออนไลน์ได้ ทั้งข้อสอบใหม่หรือการฝึกทำข้อสอบในอดีต อีกทั้งยังมีระบบอีสแกน เป็นการตรวจข้อสอบอัตโนมัติเป็นมาตรฐานเดียวกับการตรวจข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัย
“
ระบบการตรวจข้อสอบสามารถวิเคราะห์ความยากง่าย เพื่อใช้ปรับปรุงการออกข้อสอบครั้งต่อไป สามารถประมวลผลหาค่าเฉลี่ยของคะแนนนักเรียนทั้งหมดได้ มีประโยชน์กับครูในการพัฒนาหลักสูตร เหนือสิ่งอื่นใด ครูจะมีเวลาในการพัฒนาหลักสูตรหรือใส่ใจดูแลนักเรียนมากกว่าจะใช้เวลาไปกับการตรวจข้อสอบแบบเดิมๆ”วรงค์ กล่าวในตอนท้ายว่า ตลาดการศึกษาในต่างประเทศมีการพัฒนาไปไกลมากแล้ว ไม่ใช่เพราะว่าครูและนักเรียนเก่ง แต่เพราะมีเครื่องมือช่วย จึงหวังว่า
“ฟิวเจอร์ สกูล” จะเป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันให้เกิดภาพของโรงเรียนในอนาคต แต่ท้ายที่สุดแล้วถ้าอยากเห็นโอกาสทางการเรียนรู้ที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ ภาครัฐก็ต้องเข้ามาสนับสนุน เช่น ในหลายประเทศที่รัฐลงทุนซื้อหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ให้โรงเรียนสามารถดาวน์โหลดไปใช้ได้อย่างเต็มที่โดยไม่จำกัดไลเซนส์

