posttoday

ลอดลายมังกร ดร. เทียม โชควัฒนา นักการตลาดชั้นครูเมืองไทย

27 มิถุนายน 2554

ในวันที่ 29 มิ.ย.ปีนี้ ถือเป็นวันครบรอบการจากไปครบ 20 ปีเต็มของ “ดร.เทียม โชควัฒนา”

ในวันที่ 29 มิ.ย.ปีนี้ ถือเป็นวันครบรอบการจากไปครบ 20 ปีเต็มของ “ดร.เทียม โชควัฒนา”

ในวันที่จากไปด้วยวัย 75 ปี เมื่อปี 2534 ผู้ก่อตั้ง บริษัท สหพัฒนพิบูล ผู้ทำตลาดและกระจายสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ เจ้าของแนวคิด “โตแล้วแตก” ในหลายๆ ธุรกิจ ทั้งการบุกเบิกธุรกิจตัวแทน (เอเยนซี) โฆษณาที่เป็นของคนไทยรายแรก ภายใต้ชื่อ (เดิม) บริษัท ฟาร์อีสท์ แอ๊ดเวอร์ไทซิ่ง หรือบริษัท ฟาร์อีสท์ ดีดีบี ในปัจจุบัน

ลอดลายมังกร ดร. เทียม โชควัฒนา นักการตลาดชั้นครูเมืองไทย

“ดร.เทียม” เปรียบเสมือนมังกรผู้ยิ่งใหญ่ในวงการค้าไทยสมัยใหม่ในยุคแรกๆ ที่นอกจากจะมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดสำหรับคนในตระกูลโชควัฒนาแล้ว “เอกบุรุษ” ผู้นี้ ยังถือเป็น นักการตลาดชั้นครู ของเมืองไทยอีกด้วย จากบันทึกผ่านความทรงจำ 1,600 หน้าที่ ดร.เทียม ถ่ายทอดความคิดเป็นตัวหนังสือมาตั้งแต่ปี 2514-2521 ด้วยหวังเป็นอนุสรณ์ให้กับคนรุ่นหลัง และทายาทตระกูล ‘โชควัฒนา’ ได้จดจำพร้อมนำไปใช้เป็นหลักคิด ทั้งการใช้ชีวิตและการทำงาน ที่สะท้อนถึงผลการดำเนินธุรกิจในเครือสหกรุ๊ป ปัจจุบันที่มียอดขายกว่า2 แสนล้านบาทในปัจจุบัน

ศิรินา ปวโรฬารวิทยา ประธานกรรมการ บริษัท บูติคนิวซิตี้ บุตรสาวลำดับที่ 4 ของ ดร.เทียมสายพิณ โชควัฒนา กล่าวว่าในโอกาสที่ปีนี้เป็นปีที่ครบรอบ 20 ปีการจากไปของ ดร.เทียม โชควัฒนา บริษัทต่างๆในเครือสหพัฒน์ฯ ได้จัดกิจกรรมรำลึกถึง พร้อมเปิดตัวหนังสือชุด “รำลึกคุณ ดร.เทียม โชควัฒนา” โดยรวบรวมหลักปรัชญาของดร.เทียมมาจัดเป็นหนังสือชุดนี้ มีจำนวน 10 เล่ม ซึ่งจะจัดกิจกรรมเปิดตัวหนังสือชุดดังกล่าวอย่างเป็นทางการในวันที่ 28 มิ.ย.นี้ พร้อมจัดเสวนาเรื่อง ‘100 ปรัชญา ดร.เทียม โชควัฒนา’ ณ โรงแรมดุสิตธานี ย้อนให้ฟังว่า ดร.เทียม หรือ “เฮงเทียม แซ่ลี้” เริ่มทำงานตั้งอายุ 15 ปี(พ.ศ. 2475) โดยออกจากโรงเรียนมาช่วยพ่อทำการค้าขายที่ร้านลี้เปียวฮะ ได้ค่าจ้างสมัยนั้นเดือนละ 6 บาท และยึดแนวคิดการทำงาน “รู้น้อย ไม่เกี่ยงงาน” ซึ่งจากการทุ่มเทกำลังทำงานอย่างหนักและต่อเนื่อง ที่สั่งสมให้กลายเป็นพื้นฐานและประสบการณ์ของชีวิต และสุดท้ายกลายเป็นบำเหน็จรางวัล ที่ไม่มีใครสามารถแย่งชิงเอาไปได้อย่างเด็ดขาด

เรื่องดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของหนังสือชุด “รำลึกคุณ ดร.เทียม โชควัฒนา” ที่ทั้งชุดมี 10 เล่ม ที่พร่ำสอนให้ เข้มแข็ง อดทน ซื่อสัตย์ หมั่นเพียร คิดบวก สร้างสรรค์ เพื่อสร้างความสุข ความสำเร็จ และความเจริญให้ตนเองและผู้ใกล้ชิดมาถึงทุกวันนี้ และบางส่วนในหนังสือยังกล่าวถึงแนวทางการเรียนรู้ของ ดร.เทียม ที่จะเรียนรู้สิ่งใด ให้เรียนรู้จากคนด้วย เพราะบุคคลที่เข้ามาพูดคุยด้วยกับเรานั้นล้วนเป็นขุมทรัพย์แห่งความรู้และประสบการณ์ที่แท้จริงทั้งสิ้น และต้องหมั่นเตือนใจตนอยู่เสมอ อย่าคิดว่าตนเองฉลาดรู้มากกว่าผู้อื่น เพราะการคิดเช่นนั้น ทำให้ตนเสียหายโดยไม่รู้ตัวมานักต่อนักแล้ว

ส่วนชีวิตในการทำธุรกิจนั้น ดร.เทียม มองว่า ธุรกิจคือการแลกเปลี่ยนที่มีคุณธรรม แข่งขันด้วยความสามารถและความพากเพียร โดยเฉพาะเมื่องานขยายตัวขึ้น ต้องรับสอนงานให้ลูกน้องต่อๆ ไป ต้องไม่กลัวว่าใครจะแตกแขนงออกไปทำงานแข่งกับเรา หากพวกเขาเป็นคนดี มีแวว และพร้อมที่จะแตกออกไปโต ก็ให้โอกาสเป็นผู้บริหาร เป็นผู้ถือหุ้น เพราะในการแข่งขันใครจะแพ้หรือชนะ ยอดขายโดยรวมก็เป็นของพวกเรา

“การแข่งขันทำให้ตลาดไม่มีทางตัน เพราะทุกคนจะพยายามแสวงหาลู่ทางใหม่ๆ ในการแข่งขัน เป็นหนทางของการสร้างความคิดและปัญญา”

รวมถึงแนวคิดในการทำการค้า ต้องเดินสายกลาง หากจะทำการค้าอย่าลงทุนเกินตัว ต้องเก็บส่วนหนึ่งไว้เป็นความมั่นคงของตนเองและครอบครัว ทำการค้าอย่าเสี่ยงจนเกินไป ต้องดูองค์ประกอบหลายอย่าง ต้องเดินสายกลาง และจำไว้ว่าสินค้าไม่ชำนาญไม่ทำ ไม่มีคน ไม่พร้อม อย่าทำ ลงทุนมาก อย่าเสี่ยง สินค้าใหม่ลงทุนน้อยไม่เป็นไร ลองทำได้ ซึ่ง ดร.เทียม ยังแฝงหลักคิดเอาไว้อีกว่า คนที่หลงตนเองว่าเก่งแล้ว ไม่เดินทางสายกลางที่เหมาะสม ถึงใหญ่แล้วก็ล้มได้เหมือนกัน

ด้าน บุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล และในฐานะทายาท ดร.เทียม กล่าวว่า ภาพที่เห็นเด่นชัดในตัว ดร.เทียม ซึ่งเป็นทั้ง บิดา และ ครู ในการทำงานของตน คือ ความซื่อตรงและการยึดมั่นในคุณธรรมที่ปลูกฝังมาโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะในการค้าหรือธุรกิจ ที่ให้มองว่าการมีคู่แข่งคือไม่มีคู่แข่ง แต่ต้องทำให้ดีที่สุด

เช่นเดียวกับ บุญฤทธิ์ มหามนตรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) ผู้ผลิตและทำตลาดสินค้าอุปโภคในเครือสหพัฒน์ ซึ่งเป็นอีกผู้หนึ่งที่มีโอกาสทำงานอย่างใกล้ชิดกับ ดร.เทียม ร่วม 30 ปี กล่าวว่า สิ่งที่ตนได้รับมาตลอดในช่วงที่ทำงานร่วมกับเอกบุรุษในวงการค้าผู้นี้มีเยอะมาก ด้วย ดร.เทียม ถือเป็น “บรมครู” ทั้งด้านการบริหาร การปกครองคนในการทำธุรกิจ

จากตัวอย่างที่แจ่มชัดในฐานะผู้บริหารระดับสูงคือ ไม่พูดปากเปล่า แต่แสดงให้เห็นเป็นตัวอย่าง และลงมือทำให้ดู ซึ่งอาจจะหาดูได้ยากแล้วในวันนี้ที่จะมีผู้บริหารระดับสูงมาประพฤติเช่นนี้ ด้วยเรามักจะเจอแต่คนที่มาบอกให้ทำนู่นทำนี่ด้วยวาจา

สำหรับ “ต้นแบบ” ที่บุญฤทธิ์จดจำได้มากที่สุดคือ การเรียนรู้ตลอดชีวิตของผู้บริหารท่านนี้ ทั้งจากการเรียนรู้ผ่านลูกน้อง ผู้ใต้บังคับบัญชาคนอื่นๆ ด้วยเมื่อมีการหารือพูดคุยในงานด้วยกัน หาก ดร.เทียม สนใจก็มักจะบอกว่าให้รอก่อน เพื่อจดลงในสมุดบันทึกในสิ่งที่ลูกน้องพูด ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างให้เกิดความรู้สึกหัวใจพองโตให้กับคนทำงาน จากผู้บังคับบัญชาที่ปฏิบัติต่อกัน

“ท่านมักพูดเสมอว่า มีความรู้น้อย และจะต้องเรียนรู้ตลอดเวลา และต้องเรียนรู้กับทุกคน” บุถฤทธิ์ กล่าว

จากคำกล่าวทั้งหมด เป็นเพียงบางส่วนของทายาทนักธุรกิจและผู้บริหารที่สะท้อนยัง “บรมครู” ผู้นี้ที่เด่นชัดทั้งความเพียร อดทน ซื่อตรง และแสวงหาความรู้ใหม่ อย่างสม่ำเสมอ ดังที่กล่าวไว้ว่า “ความรู้หาได้ทุกหนแห่ง ทุกเวลา อยู่ที่เก็บเกี่ยวอย่างไร และเมื่อไร”

 

ข่าวล่าสุด

คดีพลิก สหรัฐฯปลดล็อกขายชิปให้จีน แต่รัฐบาลจีนอาจไม่อยากซื้อ