posttoday

คาเวียร์ใหม่จากรัศเซีย

11 เมษายน 2554

ถ้าพูดถึงอาหารที่ “แพง” ที่สุดในโลกแล้ว หนึ่งในนั้นเห็นจะหนีไม่พ้นคาเวียร์ หรือไข่ปลาสเตอร์เจียน

ถ้าพูดถึงอาหารที่ “แพง” ที่สุดในโลกแล้ว หนึ่งในนั้นเห็นจะหนีไม่พ้นคาเวียร์ หรือไข่ปลาสเตอร์เจียน

ซึ่งในอดีตสหภาพโซเวียตเป็นประเทศผู้ส่งออกคาเวียร์เป็นอันดับ 1 ของโลก จากการที่มีปลาสเตอร์เจียนธรรมชาติอยู่กันอย่างอุดมสมบูรณ์ในทะเลแคสเปียน

แต่หลังจากจับปลามาผ่าท้อง ควักไข่ขาย เป็นคาเวียร์ดำอันล้ำค่ามานานในที่สุดธรรมชาติก็ทวงคืนบ้างและก็เป็นธรรมดาเหมือนการทำประมงทั่วไป นั่นคือเมื่อแห่กันจับปลาจนมากเกินกว่าที่ธรรมชาติจะผลิตขึ้นมาทดแทนได้ไหว ปริมาณปลาสเตอร์เจียนก็ลดลงเรื่อยๆ จนเข้าขั้นวิกฤต จนถึงขั้นที่นักวิทยาศาสตร์หลายคนออกมาเตือนว่า ปลาสเตอร์เจียนที่ว่ายวนอยู่บนโลกเรามานานกว่า 200 ล้านปีนี้อาจจะใกล้สูญพันธุ์ และหากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ไข่ปลาคาเวียร์ที่เศรษฐีชอบรับประทานกันก็จะหายไปด้วย

คาเวียร์ใหม่จากรัศเซีย

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า หลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียตแล้ว การควบคุมการทำประมงในแคสเปียนก็หละหลวม เกิดกลุ่มเห็นแก่ได้ลักลอบจับปลาโดยไม่คิดหน้าคิดหลังกันจำนวนมาก เพราะได้ราคาดีจนนำมาสู่วิกฤตดังกล่าว ด้วยเหตุนี้เองตั้งแต่ปี 2545 รัฐบาลรัสเซียจึงประกาศห้ามส่งออกไข่ปลาคาเวียร์ โดยอนุญาตให้มีการจับเพียงเพื่อการบริโภคในประเทศ ปีละไม่เกิน 9 ตันเท่านั้น และห้ามจับมาเพื่อการค้าขนาดใหญ่ เพื่อมุ่งหวังให้เกิดการฟื้นฟูตัวเองของธรรมชาติ ผู้ประกอบการจำนวนมากก็เลยหมดทางทำกิน

แต่ในวิกฤตก็มีโอกาส เมื่อไม่สามารถจับปลาสเตอร์เจียนจากธรรมชาติมา “เจี๋ยน” ได้อีก ก็เลยมีคนหัวใสคิดทำฟาร์มปลาสเตอร์เจียนขึ้น โดยขณะนี้มีการทำกันมากในเมือง Gamzyuki ห่างลงไปประมาณ 200 กิโลเมตร ทางใต้ของกรุงมอสโกและหลายปีผ่านไป การลงทุนลงแรงก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิต

ตอนนี้ปลาสเตอร์เจียนจากการเลี้ยงในฟาร์มก็เติบโตสมบูรณ์ สามารถเก็บไข่มาทำเป็นคาเวียร์ชั้นดีได้ในจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่สำคัญได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีในการเก็บไข่ จากเดิมที่ในสมัยก่อนมีปลาสเตอร์เจียนธรรมชาติมากมายเหลือเฟือ ทำให้ชาวประมงไม่ค่อยเห็นคุณค่า จับมาได้ก็ผ่าท้องเพื่อควักไข่ดำอันล้ำค่า

ครั้นพอปลาสเตอร์เจียนลดจำนวนลง และนำมาสู่การเพาะเลี้ยง เจ้าของฟาร์มก็เกิดอาการ “หวง” ปลามากขึ้น ทำให้ในปัจจุบันนี้การเก็บไข่ไม่ได้ผ่าท้องปลาเหมือนก่อน แต่ใช้เทคโนโลยีในการกรีดเป็นแผลเพียงเล็กๆ แล้วดูดเอาไข่ขึ้นมา จากนั้นแม่ปลาสเตอร์เจียนก็สามารถมีชีวิตรอดกลับไปแหวกว่ายในบ่อเลี้ยงต่อไปได้

ปลาแต่ละตัวมีชีวิตให้เก็บไข่ได้ประมาณ 7 ปี และเจ้าของฟาร์มก็พยายามใช้ 7 ปีที่มีนี้ให้คุ้มค่า

นักวิเคราะห์บอกว่า ด้วยระบบการเพาะเลี้ยงแบบใหม่น่าจะช่วยชีวิตปลา สเตอร์เจียนให้รอดวิกฤตจากการสูญพันธุ์ ช่วยผู้ประกอบการให้สามารถเดินหน้าธุรกิจต่อไปได้ และยังช่วยให้รัสเซียยังเป็นประเทศชั้นนำในฐานะผู้ส่งออกคาเวียร์แถวหน้าของโลก

วลาดิเมียร์ คาลาชนิคอฟ ผู้อำนวยการฟาร์มปลาสเตอร์เจียนแห่งหนึ่ง กล่าวว่า การลงทุนทำฟาร์มเป็นสิ่งที่คุ้มค่า ตัวเขาเองเคยเป็นชาวประมงที่จับปลาสเตอร์เจียนจากแคสเปียนมาก่อน แต่ตอนนี้ก็ได้รู้แล้วว่า จะต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 20 ปีในการฟื้นฟูปลาสเตอร์เจียนธรรมชาติ ดังนั้นอนาคตของคาเวียร์จึงอยู่ที่ฟาร์มเพาะเลี้ยง ที่จะกลายเป็นธุรกิจที่มีความสดใส และใช้ปลาในจำนวนไม่มากก็สามารถผลิตไข่คาเวียร์ได้เยอะ

อเล็กซานเดอร์ ซาเวลเยฟ โฆษกหน่วยงานกลางด้านการประมงของรัสเซีย บอกว่า รัฐบาลสนับสนุนการทำฟาร์มปลาสเตอร์เจียน และนักธุรกิจเองก็รู้ว่า จะเป็นประโยชน์ต่อการค้าในระยะยาว และในขณะเดียวกันรัฐบาลก็ต้องเข้มงวดในการจับกุมพวกลักลอบจับปลาสเตอร์เจียนธรรมชาติ ซึ่งในแต่ละปีมีการแอบจับและลักลอบขายคาเวียร์ด้วยมูลค่ามากถึง 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

กระทั่งตอนนี้ หลังจากงดส่งออกมานาน เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา รัฐบาลรัสเซียก็ได้ออกใบอนุญาตให้มีการส่งออกคารเวียร์ได้อีกครั้ง จากฟาร์มเพาะ และแม้รัสเซียจะไม่ใช่ประเทศแรกที่ตัดสินใจเพาะเลี้ยงปลาสเตอร์เจียน เนื่องจากจีน อิสราเอล ฯลฯ ก็ทำฟาร์มมาก่อน แต่ซาเวลเยฟก็เชื่อว่า คาเวียร์จากรัสเซียจะมีความได้เปรียบมากกว่า เพราะจากประวัติศาสตร์อันยาวนาน ทำให้ผู้บริโภคชั้นสูงทั่วโลกรู้ดีว่า คาเวียร์ที่ดีที่สุดต้องประทับตราว่ามาจากรัสเซีย

“หากลูกค้าจะเลือกซื้อคาเวียร์สักกระป๋องหนึ่ง พวกเขาจะมองว่ามาจากไหน ฝรั่งเศส รัสเซีย จีน หรือแคนาดา และแล้วลูกค้าก็จะเลือกหยิบกระป๋องที่มาจากรัสเซีย เพราะแบรนด์เป็นเรื่องที่สำคัญ” ซาเวลเยฟ กล่าว

ในขณะนี้ถือว่ายังอยู่ในช่วงเริ่มต้นการส่งออกคาเวียร์เพาะเลี้ยงจากรัสเซีย แต่ก็เชื่อว่ามันจะเป็นตลาดที่ดีขึ้นเรื่อยๆ และน่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีของประเทศอื่นๆ ที่จะได้เห็นว่า การใช้ทรัพยากรที่มีเหลือเฟืออย่างไม่มองอนาคตนั้น ผลของมันเป็นอย่างไร

รัสเซียเกือบจะเสียตลาดคาเวียร์ไป โลกทั้งโลกเกือบจะต้องเผชิญกับการสูญพันธุ์ของสัตว์ชนิดหนึ่งไป เหมือนกับที่เคยมีสัตว์หลายชนิดสูญพันธุ์ไปด้วยน้ำมือมนุษย์ แต่รัสเซียยังกลับตัวทัน และประเทศอื่นๆ ก็คงต้องหันมาพิจารณาว่า ในประเทศของตัว โดยเฉพาะประเทศที่ชอบโอ้อวดว่า มีทรัพยากรธรรมชาติมากมายนั้น จะหลงระเริงกับการแสวงหาประโยชน์ทางการค้าโดยไม่คำนึงถึงแผ่นดิน ผืนน้ำ และภูเขาได้อีกนานเท่าไหร่ และได้เวลาที่ต้องหันกลับมาฟื้นฟูธรรมชาติหรือยัง

ถ้าพูดได้ แม่ปลาสเตอร์เจียนก็คงอยากบอกทุกคนว่า หันมารักษ์โลกได้แล้ว ก่อนที่โลกจะไม่รักเรา

 

ข่าวล่าสุด

โปรแกรมซีเกมส์ 2025 วันนี้ 15 ธ.ค. 68 ลิ้งก์ดูสด ถ่ายทอดสดช่องไหน