อย่าตกใจจีนขึ้นดอก
เตือนชาวหุ้นอย่าตระหนกจีนขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% สกัดเงินเฟ้อ โบรกเกอร์เตือนทุนต่างชาติโหมเข้าซื้อรอบนี้ฝรั่งปลอม
เตือนชาวหุ้นอย่าตระหนกจีนขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% สกัดเงินเฟ้อ โบรกเกอร์เตือนทุนต่างชาติโหมเข้าซื้อรอบนี้ฝรั่งปลอม
ธนาคารกลางจีนประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากระยะ 1 ปี และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 0.25% เป็น 3.25% และ 6.31% ตามลำดับ ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย.เป็นต้นไป เป็นความพยายามที่จะควบคุมการปล่อยกู้ และสกัดอัตราเงินเฟ้อ
นายวิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า นักลงทุนไม่ต้องตกใจเรื่องธนาคารจีนขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 4 นับตั้งแต่เดือน ต.ค.ปีที่ผ่านมา และถ้าหากจะปรับขึ้นอีกครั้งในเดือน มิ.ย.นี้ ในอัตรา 0.25% เพราะจะทำให้ดอกเบี้ยเงินกู้อยู่ที่ 6.5% สามารถดูแลเงินเฟ้อของจีนที่ 5.96% ได้ และสะท้อนถึงวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นจะหมดรอบแล้ว
“จีนขึ้นดอกเบี้ยแล้ว เศรษฐกิจยังสามารถขยายตัวได้ 8% ตลาดทุนจะมองเป็นสัญญาณค่อนข้างดี” นายวิศิษฐ์ กล่าว
สำหรับดัชนีหุ้นที่อ่อนตัวลง 2.53 จุด ปิดที่ 1,076 จุด เมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา ถือเป็นการปรับฐานปกติ แนวโน้มตลาดยังเป็นขาขึ้นต่อ เพราะการลงทุนในตลาดตราสารหนี้และพันธบัตรไม่น่าสนใจเท่าตลาดหุ้น จึงน่าจะเห็นต่างชาติเข้ามาซื้อหุ้นต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ในช่วง 5 วันทำการ นักลงทุนต่างชาติได้เข้ามาซื้อหุ้นไทยสุทธิ 25,727 ล้านบาท และส่งผลให้ดัชนีหุ้นเพิ่มขึ้น 39.77 จุด คิดเป็น 3.83%
ด้านผู้บริหารโบรกเกอร์ กล่าวว่า เงินทุนต่างชาติที่เริ่มเข้าซื้อหุ้นไทยอย่างหนักตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา วันละ 6,000-8,000 ล้านบาท ไม่น่าจะเป็นเงินที่ไหลเข้ามาจากนักลงทุนต่างประเทศอย่างแท้จริง แต่เป็นการเข้าซื้อของฝรั่งหัวดำ สังเกตได้จากการส่งคำสั่งซื้อขายที่ไม่ผ่านโบรกเกอร์ที่เน้นให้บริการสถาบันต่างชาติโดยเฉพาะ แต่เป็นการผ่านโบรกเกอร์ในประเทศหรือโบรกเกอร์ต่างชาติที่ทำธุรกิจหลากหลาย
นอกจากนี้ ไม่มีปัจจัยสำคัญที่จะผลักดันให้ต่างชาติเข้ามาซื้อหุ้นขณะนี้ โดยข่าวการเลือกตั้งไม่ได้มีน้ำหนักมากเพียงพอจะดึงทุนต่างชาติให้ไหลเข้ามา
“เหตุที่มองว่าออร์เดอร์เป็นของฝรั่งหัวดำ เพราะทางการได้อนุญาตให้คนไทยไปเปิดบัญชีซื้อขายในต่างประเทศได้ ซึ่งอาจมีการแฝงตัวเข้ามาด้วยหลายเหตุผล ส่วนจะเป็นเพราะกลุ่มทุนการเมืองเข้ามาแสวงหาประโยชน์ก่อนการเลือกตั้งหรือไม่ คงไม่สามารถชี้ชัดได้ เพราะระบุได้ยาก”
แหล่งข่าวเปิดเผยอีกว่า เรื่องเงินต่างชาติเข้ามาสร้างความไม่ปกติให้กับตลาดทุน และสร้างความไม่สบายใจให้กับผู้เกี่ยวข้องในตลาดทุน แต่คงไม่ถึงกับสร้างความกังวล เพราะเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยมีพื้นฐานรองรับ แต่แนะนำนักลงทุนรายบุคคลว่า ตลาดหุ้นจะมีความผันผวน นักลงทุนต้องมีวินัยในการลงทุนสูง ควรขายเมื่อมีกำไรในระดับที่ผลตอบแทนสร้างความพึงพอใจแล้ว
ทางด้านนางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า แนวโน้มในไตรมาส 2 น่าจะแกว่งตัวในช่วง 1,000-1,200 จุด เนื่องจากพื้นฐานตลาดยังดี อัตราผลตอบแทนปันผลอยู่ที่ระดับ 4% จูงใจให้นักลงทุนเข้ามาลงทุน


