ผู้มีหน้าที่ยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
อีกสักครั้งเกี่ยวกับการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีภาษี 2553 เพราะวันพฤหัสบดีที่ 31 มี.ค. 2554 นี้
อีกสักครั้งเกี่ยวกับการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีภาษี 2553 เพราะวันพฤหัสบดีที่ 31 มี.ค. 2554 นี้
เป็นวันสุดท้ายของกำหนดเวลายื่นแบบเสียภาษีแล้ว หากท่านใดยื่นแบบเสียภาษีภายหลังกำหนดเวลาดังกล่าว จะต้องเสียค่าปรับจากการไม่ยื่นแบบภายในกำหนดเวลาเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 2,000 บาท หากแบบที่ยื่นมีภาษีชำระ นอกจากต้องชำระภาษีแล้วยังต้องเสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อเดือนของจำนวนภาษีชำระ แต่เงินเพิ่มนั้นจะไม่เกินจำนวนภาษีชำระ
ทีนี้มาดูกันว่า ผู้ที่มีหน้าที่ยื่นแบบเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นใครบ้าง เกณฑ์เงินได้พึงประเมินที่ต้องยื่นแบบเสียภาษีกำหนดไว้อย่างไร และแบบที่ใช้ยื่นเสียภาษีเป็นแบบใด หากไม่รู้ว่าตนเองมีหน้าที่ หรือรู้ว่ามีหน้าที่ แต่ปฏิบัติไม่ถูกต้อง ผลก็คือ เสียเวลาอย่างแน่นอน ดีไม่ดีอาจจะเสียเงินมากกว่าที่ควรจะเสียอีกด้วย
nผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กฎหมายแบ่งผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาออกเป็น 4 หน่วยภาษี ดังนี้
บุคคลธรรมดา ก็คือ บุคคลทั่วไปที่มีลมหายใจอยู่นี่แหละ ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ คนชรา จะเป็นชาวไทยหรือชาวต่างชาติก็ตาม หากมีเงินได้พึงประเมินถึงเกณฑ์ตามที่กฎหมายกำหนดและเงินได้พึงประเมินนั้นไม่ได้รับการยกเว้นภาษี ก็ต้องมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล การจัดตั้งจะประกอบด้วยบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป กฎหมายถือเป็นหน่วยภาษีแยกต่างหากจากบุคคลธรรมดาที่เป็นหุ้นส่วน ทั้งนี้ห้างหุ้นส่วนสามัญมีวัตถุประสงค์มุ่งค้าหากำไรจากการประกอบการ แต่คณะบุคคลมิได้มุ่งค้าหากำไร
ผู้ถึงแก่ความตายระหว่างปีภาษี เป็นบุคคลธรรมดาที่มีเงินได้พึงประเมินและได้เสียชีวิตระหว่างปีภาษี (ปีภาษีเริ่มวันที่ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.) การยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้ยื่นในนามผู้ถึงแก่ความตายระหว่างปีภาษี
กองมรดกที่ยังมิได้แบ่ง กรณีบุคคลธรรมดาได้เสียชีวิตโดยมีทรัพย์สินที่ยังมิได้แบ่งให้กับผู้รับมรดกในปีถัดจากปีที่เสียชีวิตและทรัพย์สินนั้นมีเงินได้พึงประเมินเกิดขึ้น เงินได้พึงประเมินที่เกิดขึ้นต้องเสียภาษีในนามกองมรดกที่ยังมิได้แบ่ง
nเกณฑ์เงินได้พึงประเมินที่ต้องยื่นแบบเสียภาษี กฎหมายกำหนดไว้ดังนี้
ผู้มีเงินได้ที่ไม่มีสามีหรือภริยาและมีเงินได้พึงประเมินที่มิใช่เงินเดือน ค่าจ้าง ในปีภาษีที่ล่วงมาแล้วเกิน 3 หมื่นบาท
ผู้มีเงินได้ที่มีสามีหรือภริยาและมีเงินได้พึงประเมินที่มิใช่เงินเดือน ค่าจ้างในปีภาษีที่ล่วงมาแล้วเกิน 6 หมื่นบาท
ผู้มีเงินได้ที่ไม่มีสามีหรือภริยาและมีเงินได้พึงประเมินประเภทเงินเดือน ค่าจ้าง ในปีภาษีที่ล่วงมาแล้ว 5 หมื่นบาท
ผู้มีเงินได้ที่มีสามีหรือภริยาและมีเงินได้พึงประเมินประเภทเงินเดือน ค่าจ้าง ในปีภาษีที่ล่วงมาแล้วเกิน 1 แสนบาท
ผู้ที่มีเงินได้พึงประเมินถึงเกณฑ์ตามที่กล่าวมาข้างต้น จะต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษี ไม่ว่าจะมีภาษีต้องชำระหรือไม่ก็ตาม
แบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีภาษี แบ่งออกเป็น 2 แบบ ดังนี้
ภ.ง.ด.91 ใช้กับผู้ที่มีเงินได้พึงประเมินประเภทเงินเดือน ค่าจ้าง ซึ่งเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) แห่งประมวลรัษฎากร เท่านั้น
ภ.ง.ด.90 ใช้กับผู้ที่มีเงินได้พึงประเมินประเภทอื่นๆ ซึ่งเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (2)–(8) แห่งประมวลรัษฎากร หรือใช้กับผู้ที่มีเงินได้พึงประเมินประเภทเงินเดือน ค่าจ้าง และยังมีเงินได้พึงประเมินประเภทอื่นๆ ตามมาตรา 40 (2)–(8) แห่งประมวลรัษฎากร อีกด้วย
ท่านที่มีเงินได้พึงประเมินถึงเกณฑ์ตามที่กฎหมายกำหนด ต้องพิจารณาว่าตนเองต้องเสียภาษีในนามใด และต้องใช้แบบแสดงรายการภาษีให้ถูกต้องตามที่กำหนด หากปฏิบัติไม่ถูกต้องแล้วได้เสียเวลากับการตามแก้ปัญหาทีหลังเป็นแน่ สวัสดีครับ


