SET Noteปี53พบภาพรวมผลกำไร บจ.สูงขึ้น
รายงาน SET Note Quarterly Corporate Update พบผลกำไร บจ. สูงขึ้น สะท้อนการฟื้นตัวอย่างมีเสถียรภาพของภาคธุรกิจไทย และความพร้อมสำหรับการขยายตัวในอนาคต
รายงาน SET Note Quarterly Corporate Update พบผลกำไร บจ. สูงขึ้น สะท้อนการฟื้นตัวอย่างมีเสถียรภาพของภาคธุรกิจไทย และความพร้อมสำหรับการขยายตัวในอนาคต
รายงาน SET Note Quarterly Corporate Update ในปี 2553 พบว่า บริษัทจดทะเบียน (ไม่นับรวมกองทุนอสังหาริมทรัพย์) มีผลการดำเนินงานดีขึ้น จากรายได้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยมีรายได้การขายและบริการ 7,405,892.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.67% จากปี 2552 ขณะที่มีประสิทธิภาพในการควบคุมต้นทุนใกล้เคียงกับปี 2552 โดยมีสัดส่วนต้นทุนต่อรายได้ 91.04% เทียบกับ 90.84% ในปี 2552 ส่งผลให้มีกำไรจากการดำเนินงาน 663,819.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.16% จากปี 2552 ขณะที่รายได้อื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากผลกำไรจากเงินลงทุนและกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน มีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 29.57% จากปี 2552 เป็นปัจจัยสนับสนุนให้ในปี 2553 บริษัทจดทะเบียนมีกำไรสุทธิ 592,456.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.98% จากปี 2552 และมีอัตรากำไรสุทธิ 7.50% เพิ่มขึ้นจาก 6.38% ในปี 2552
นอกจากนี้ พบว่า บริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่มีผลการดำเนินงานดีขึ้นและกระจายตัวมากขึ้น โดยมีบริษัทที่มีผลกำไรถึง 443 บริษัท คิดเป็นร้อยละ 82.65 ของจำนวนบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด เทียบกับ 76.68% ในปี 2552 และ 73.64% ในปี 2551
ด้านดัชนีชี้วัดประสิทธิภาพการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในปี 2553 ปรับดีขึ้นในทุกรายการเมื่อเทียบกับปี 2552 ซึ่งเป็นผลจากกำไรสุทธิที่ปรับเพิ่มขึ้น โดยในปี 2553 บริษัทจดทะเบียนมีอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) 15.48% เพิ่มขึ้นจาก 11.98% ในปี 2552 และมีอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวม (ROA) 7.18% เพิ่มขึ้นจาก 5.51% ในปี 2552 นอกจากนี้ ฐานะทางการเงินของบริษัทจดทะเบียนยังคงอยู่ในเกณฑ์มั่นคง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนที่ 1.16 เท่า ซึ่งอยู่ในระดับต่ำและเป็นระดับเดียวกับปี 2552 อีกทั้งมีระดับสภาพคล่องในการชำระหนี้สูงขึ้นแม้ว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ได้ปรับสูงขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2553
สำหรับการลงทุนของบริษัทจดทะเบียนในปี 2553 ส่วนใหญ่มีการลงทุนเพิ่มขึ้นในสินทรัพย์ถาวร โดยมีจำนวนบริษัทที่ลงทุนเพิ่มในสินทรัพย์ถาวรจำนวน 465 บริษัท หรือ 85.95% ของจำนวนบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด เพิ่มขึ้นจาก 80.48% ในปี 2552 คิดเป็นมูลค่าการลงทุนเพิ่มในสินทรัพย์ถาวรรวม 405,164.57 ล้านบาท ทั้งนี้ พบว่า ทุกกลุ่มอุตสาหกรรมมีการลงทุนเพิ่มในสินทรัพย์ถาวรเพิ่มขึ้น ยกเว้น กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง และกลุ่มบริษัทที่อยู่ระหว่างฟื้นฟูกิจการ (NPG)
ด้านการระดมทุนในรูปตราสารทุนในปี 2553 จากภาวะเศรษฐกิจและภาวะตลาดหลักทรัพย์ที่ปรับดีขึ้น บริษัทจดทะเบียนมีการระดมทุนเพิ่มขึ้น ทั้งในตลาดแรกและตลาดรอง โดยมีมูลค่ารวม 90,355.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 156.82% จากปี 2552 โดยการระดมทุนในตลาดแรก (Initial public offering: IPO) มีบริษัทจดทะเบียนเข้าระดมทุนจำนวน 11 บริษัท และ 4 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ มูลค่ารวม 12.587.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.63% จากปี 2552 ขณะที่การระดมทุนในตลาดรอง (Secondary equity offering: SEO) มีมูลค่ารวม 77,940.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 230.66% จากปี 2552
สำหรับในไตรมาส 4/2553 บริษัทจดทะเบียนมีกำไรสุทธิ 158,763.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51.44% จากไตรมาส 4/2552 จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นและผลกำไรจากเงินลงทุน และเพิ่มขึ้น 5.72% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2552 จากผลการดำเนินงานที่ปรับดีขึ้น นอกจากนี้ พบว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจการเงิน กลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เริ่มมีการปรับเพิ่มขึ้นของรายได้อย่างมีเสถียรภาพมากขึ้น โดยในกลุ่มธุรกิจการเงินมีรายได้ในธุรกิจหลัก (รายได้การขายและบริการ) เพิ่มขึ้น 6 ไตรมาสต่อเนื่องกัน ขณะที่รายได้หลักของกลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ mai เพิ่มขึ้น 3 ไตรมาสต่อเนื่องกัน


