posttoday

ไขความสำเร็จ 50 ปีซีคอน บนเส้นทางธุรกิจรับสร้างบ้าน

19 มีนาคม 2554

ชื่อของ “กอบชัย ซอโสตถิกุล” ถูกบันทึกอยู่ในทำเนียบนักธุรกิจระดับแนวหน้าของประเทศ ในฐานะผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของกลุ่มซีคอน ที่มีทั้งธุรกิจรับสร้างบ้าน รองเท้านันยาง ผงชูรสตราชฎา ศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ ฯลฯ ด้วยปรัชญาความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างซื่อสัตย์และโปร่งใส ควบคู่ไปกับการทำงานเพื่อสังคม ทั้งที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โรงพยาบาลหัวเฉียว มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ และมูลนิธิธารน้ำใจ

ชื่อของ “กอบชัย ซอโสตถิกุล” ถูกบันทึกอยู่ในทำเนียบนักธุรกิจระดับแนวหน้าของประเทศ ในฐานะผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของกลุ่มซีคอน ที่มีทั้งธุรกิจรับสร้างบ้าน รองเท้านันยาง ผงชูรสตราชฎา ศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ ฯลฯ ด้วยปรัชญาความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างซื่อสัตย์และโปร่งใส ควบคู่ไปกับการทำงานเพื่อสังคม ทั้งที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โรงพยาบาลหัวเฉียว มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ และมูลนิธิธารน้ำใจ

โดย...ทีมข่าวธุรกิจ-ตลาด

 

ไขความสำเร็จ 50 ปีซีคอน บนเส้นทางธุรกิจรับสร้างบ้าน

ชื่อของ “กอบชัย ซอโสตถิกุล” ถูกบันทึกอยู่ในทำเนียบนักธุรกิจระดับแนวหน้าของประเทศ ในฐานะผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของกลุ่มซีคอน ที่มีทั้งธุรกิจรับสร้างบ้าน รองเท้านันยาง ผงชูรสตราชฎา ศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ ฯลฯ ด้วยปรัชญาความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างซื่อสัตย์และโปร่งใส ควบคู่ไปกับการทำงานเพื่อสังคม ทั้งที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โรงพยาบาลหัวเฉียว มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ และมูลนิธิธารน้ำใจ

ภารกิจที่ผ่านมาทำให้ชีวิตของเขาในวันนี้ “คุ้มค่า” แต่เป้าหมายของเขายังคงไม่หยุดนิ่งกับอีกหนึ่งภารกิจครั้งสำคัญในชีวิต ในวาระครบรอบ 50 ปีของ “ซีคอน” ซึ่ง “กอบชัย ซอโสตถิกุล” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซีคอน และบริษัท คอมแพคโฮม จะมาไขเคล็ดลับความสำเร็จของซีคอนที่ได้รับการยกย่องให้เป็น “พี่ใหญ่วงการรับสร้างบ้านเมืองไทย”

“ความน่าเชื่อถือ ความซื่อสัตย์ และความรับผิดชอบ” ทั้งหมดนี้เป็นเคล็ดลับความสำเร็จของซีคอนในวันนี้

“การเริ่มต้นธุรกิจรับสร้างบ้านเมื่อ 50 ปีก่อน เกิดขึ้นเพราะสมัยนั้นเริ่มมีการจัดสรรที่ดินมากขึ้น ทำให้เราคิดว่าเมื่อคนเป็นเจ้าของที่ดินเยอะ ก็อยากจะสร้างบ้านอยู่เอง ซึ่งช่วงเวลานั้นยังไม่มีบริษัทรับสร้างบ้าน ส่วนใหญ่เป็นผู้รับเหมาเล็กๆ ครอบครัวจึงคิดตั้งเป็นบริษัทขึ้นมา” กอบชัย ย้อนความให้ฟัง

แต่โครงการแรกที่รับสร้างให้ไม่ใช่ “บ้าน” แต่เป็นโครงการตลาดมหานาค ซึ่งการก่อสร้างก็ใช้ระบบก่อสร้างทั่วไป คือ ผูกเหล็ก ก่ออิฐ ฉาบปูนในพื้นที่ ซึ่งเมื่อดำเนินการจริงทำให้พบเห็นปัญหาหลายด้าน โดยเฉพาะเรื่องของต้นทุน และความรวดเร็วในการทำงาน จึงคิดหาวิธีการขึ้นมาเพื่อรองรับระบบก่อสร้างที่จะทำให้โครงการแข็งแรง คุณภาพดีตรงตามที่ลูกค้าต้องการ ขณะเดียวกันก็ประหยัดต้นทุนและประหยัดระยะเวลาในการก่อสร้าง

ระบบดังกล่าวถือว่าประสบความสำเร็จ มีโครงการที่ก่อสร้างโดยใช้ระบบนี้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น หมู่บ้านมิตรภาพ สยามสแควร์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อาคารพาณิชย์ย่านบรรทัดทองกว่า 700 คูหา หรืออาคารพาณิชย์ริมถนนพระรามสี่บริเวณตลาดสามย่าน และบริเวณที่เป็นจามจุรีสแควร์ในปัจจุบัน และระบบก่อสร้างซีคอนถือเป็นจุดแข็งที่ในปัจจุบันยังไม่มีผู้ลอกเลียนแบบได้

ในยุคนั้นถ้าพูดถึงซีคอนรับสร้างบ้านทุกคนให้การยอมรับ เพราะเป็นผู้เริ่มต้นธุรกิจรับสร้างบ้านจนมีชื่อเสียง ทำให้คนไว้ใจและเกิดเป็นความเชื่อถือ ซึ่งเกิดจากความรับผิดชอบในการดูแลบ้านให้กับลูกค้าในทุกตารางนิ้ว หากเกิดปัญหาหรือลูกค้าไม่พอใจ ก็จะแก้ไขให้จนลูกค้าพอใจ จนเกิดกระแสบอกต่อแบบปากต่อปาก จนปัจจุบันซีคอนสร้างบ้านให้กับลูกค้ามาแล้วกว่า 1.2 หมื่นหลัง

“หากจะบอกว่าทุกหลังสมบูรณ์แบบไม่มีปัญหาคงเป็นไปไม่ได้ แต่เมื่อเกิดปัญหาเราต้องรีบแก้ไข หรือรู้ว่าจะเกิดปัญหาก็ต้องรีบป้องกัน สิ่งเหล่านี้จะทำให้ลูกค้าเชื่อใจเรา ว่าเมื่อส่งมอบบ้านถึงมือลูกค้า นั่นหมายถึงบ้านที่สร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์แบบ” กอบชัย กล่าว

ต่อมาเมื่อมีบริษัทรับสร้างบ้านมากขึ้น เกิดการแข่งขันมากขึ้น การรับสร้างบ้านมีแบบบ้านที่สวยหรู มีโค้ง มีเว้า เล่นระดับ ราคาแพงก็มากขึ้นตามไปด้วย ทำให้บริษัทต้องปรับตัวให้ทันสมัยและเพิ่มบริการรับสร้างบ้านให้มีความหลากหลายมีดีไซน์มากขึ้น

จนถึงปัจจุบันกลุ่มซีคอนมีบริษัทรับสร้างบ้าน 2 บริษัท ได้แก่ ซีคอนโฮม รับสร้างบ้านสำหรับลูกค้าระดับกลางถึงบน ระดับราคาตั้งแต่ 320 ล้านบาท และคอมแพคโฮม รับสร้างบ้านราคาตั้งแต่ 13.5 ล้านบาท แบ่งรูปแบบบ้านออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ 1. บ้านคุ้มค่า ราคา 1 2 ล้านบาท 2. Smart Home ราคา 1.5 – 3 ล้านบาท 3. First Home ราคา 1.8 – 3 ล้านบาท และ 4. Compact Town บ้านขนาด 3 ชั้นในราคา 2 3.5 ล้านบาท

ขณะที่การบริหารจัดการไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะการจะบริหารจัดการให้บ้านออกมาคุณภาพดี ทันเวลา งบไม่บานปลาย จึงต้องพัฒนาระบบต่างๆ ต่อเนื่อง นอกจากระบบก่อสร้างที่ซีคอนมีระบบเฉพาะที่พัฒนาขึ้นเอง ระบบด้านบริการของซีคอนก็ต้องเหนือกว่า ซีคอนจึงเป็นบริษัทรับสร้างบ้านแห่งแรกที่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาควบคุมเกือบทุกขั้นตอน ทั้งการประสานงานระหว่างหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้รู้ว่าการก่อสร้างดำเนินการอยู่ในขั้นตอนใด สามารถตรวจสอบการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคุมต้นทุนวัสดุก่อสร้างและปรับแก้ไขได้ทันท่วงที และตรงกับความต้องการของลูกค้าที่อาจเปลี่ยนแปลงไป

ปัจจุบันกลุ่มซีคอนมีบ้านที่อยู่ระหว่างก่อสร้างกว่า 300 หลังในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีพนักงานประจำรวมกว่า 400 คน และมีผู้รับเหมาและแรงงานที่อยู่ในระบบอีกกว่า 1,000 คนซึ่งทุกคนมีส่วนช่วยให้ “ซีคอน” ประสบความสำเร็จ นโยบายของบริษัทจึงให้ความสำคัญกับทุกคน เมื่อมีผลกำไรต้องแบ่งกัน ทุกคนต้องได้ผลประโยชน์ “ซีคอน” ในทุกวันนี้อยู่ได้เพราะลูกค้า พนักงาน และผู้ถือหุ้น เราต้องรับผิดชอบต่อทุกคน ต้องทำให้ทุกฝ่ายพอใจ ประโยชน์ที่ได้ต้องแบ่งกันไม่ใช่เก็บให้ผู้ถือหุ้นหมด พนักงานต้องได้รับเงินเดือน โบนัสที่น่าพอใจ ผู้รับเหมาก็เหมือนกัน ราคาต่อหน่วยที่ให้กับเขาต้องเป็นที่พอใจ ถ้าดีต้องให้รางวัล ถ้าไม่ดีต้องทำโทษ และหากผู้รับ

อีกสิ่งที่บ่งชี้ถึงความสำเร็จของซีคอน คือ ผลประกอบการในปีที่ผ่านมา บริษัทมียอดจองรวม 1,300 ล้านบาท เติบโต 10% และในปี 2554 ตั้งเป้ายอดขาย 1,400 ล้านบาท แบ่งเป็นซีคอน 850 ล้านบาท เติบโต 6% คอมแพคโฮม 550 ล้านบาท เติบโต 12% ขณะที่ตลาดรวมธุรกิจรับสร้างบ้านที่ในปีนี้คาดว่าจะเติบโต 8% หรือมูลค่าตลาดรวม 1.3 หมื่นล้านบาท

สำหรับกลยุทธ์การทำตลาดในปีนี้ “ซีคอน” เน้นตอบสนองความต้องการของลูกค้าภายใต้กลยุทธ์ 360 องศา เน้นการสร้างแบรนด์องค์กร และตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดรับสร้างบ้าน และทำการตลาดเพื่อสังคม

ในปีนี้ที่ “ซีคอน” มีอายุครบ 50 ปี จึงร่วมกันจัดทำโครงการ “50 ปี 50 ความดีสู่สังคมไทย” ขึ้น โดยหักเงินรายได้ส่วนหนึ่งจากการรับสร้างบ้านทุกหลัง หลังละ 5,000 บาท สมทบทุนนำไปบริจาคให้กับองค์กรเพื่อสังคมจนครบ 50 องค์กร ทั้งองค์กรเพื่อสังคมและพัฒนาคุณภาพชีวิต องค์กรเพื่อคนพิการและทุพลภาพ องค์กรเพื่อคนชรา องค์กรเพื่อผู้ป่วยยากจน และองค์กรเพื่อสงเคราะห์สัตว์และสิ่งแวดล้อม

“ตลอดชีวิตผมให้ความสำคัญกับการทำกิจกรรมเพื่อสังคม ทั้งมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โรงพยาบาลหัวเฉียว มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ มูลนิธิธารน้ำใจ ในเวลาที่ดำเนินธุรกิจก็บอกกับทีมงานอยู่เสมอว่า เมื่อเราทำธุรกิจมีกำไรก็ต้องคืนส่วนกำไรให้กับสังคมบ้าง” กอบชัย กล่าวปิดท้าย

กอบชัยยังฝากถึงคนรุ่นใหม่ที่อยากมีส่วนช่วยเหลือสังคมด้วยว่า การช่วยเหลือสังคม สามารถเริ่มต้นที่ตัวเราเองได้ตลอดเวลา เพียงมีความซื่อสัตย์จริงใจมีความรับผิดชอบต่อลูกค้าก็ถือว่าช่วยเหลือสังคม เพราะถ้าซิกแซ็ก ไม่ซื่อสัตย์ ใหม่ๆ อาจมีกำไร แต่อยู่ได้ไม่นาน และหากทุกคนหันมามอง ใส่ใจช่วยเหลือสังคม ช่วยเหลือผู้ที่ด้อยโอกาส โดยไม่หวังผลตอบแทน ก็จะช่วยทำให้สังคมดี น่าอยู่ ทุกคนในสังคมก็จะได้ประโยชน์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทุกคนต้องร่วมสร้าง ไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง
 

 

ข่าวล่าสุด

งานเข้า! EU สอบสวน Google ข้อหาผูกขาดเนื้อหาให้กับ AI ของบริษัท