posttoday

สมศักดิ์ ธนกิจวัฒนา กรรมการผู้จัดการบริษัท เมสโปร (1989)

09 กุมภาพันธ์ 2554

....เจียรนัย อุตะมะ

สมศักดิ์ ธนกิจวัฒนากรรมการผู้จัดการบริษัท เมสโปร (1989) วัย 54 ปี บริษัทนี้รับเหมาก่อสร้างแบบครบวงจร คาดว่าจะขายหุ้นให้ประชาชนครั้งแรกปลายเดือน ก.พ.นี้ ก่อนที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในเดือน มี.ค. 2554

เขาเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทนี้และบริหารจนเติบโตมาด้วยมือของตัวเองจากทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 1 ล้านบาท จนปัจจุบัน 80 ล้านบาท (เรียกชำระแล้ว 60 ล้านบาท) ด้วยพื้นฐานที่คลุกคลีอยู่กับงานรับเหมาก่อสร้างมาตลอดตั้งแต่สมัยเรียน

สมศักดิ์เริ่มการทำงานตั้งแต่สมัยเรียน โดยหลังจบการศึกษาระดับ ปวส.ช่างยนต์ ที่วิทยาลัยเทคนิคกรุงเทพ และเข้าเรียนต่อปริญญาตรีวิศวกรรมเครื่องกล ที่วิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา วิทยาเขตเทเวศร์(ปัจจุบันมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร วิทยาเขตเทเวศร์) ได้ทำงานที่บริษัท ยูที เอนจิเนียริ่ง ควบคู่ไปด้วย โดยรับหน้าที่เป็นช่างเขียนแบบช่วยวิศวกรออกแบบจนกระทั่งเรียนจบและทำงานที่นั่นเป็นวิศวกร ใช้เวลาทำงานและหาประสบการณ์นานนับ 6 ปี ก่อนจะออกมาอยู่ที่ บริษัท สินศักดิ์ ไฮเทคแอนด์เซอร์วิส เป็นผู้จัดการแผนกวิศวกรรม จึงได้ประสบการณ์งานรับเหมาก่อสร้างงานระบบจากที่นี่ ใช้เวลา 3 ปีจึงตัดสินใจร่วมกับเพื่อนออกมาตั้งบริษัท เอ็มอีเอสเอนจิเนียริง รับเหมาก่อสร้างงานระบบ โดยร่วมหุ้นกันคนละ 1 หมื่นบาทกับเพื่อนอีก 2 คน

ความที่เป็นมือใหม่ออกมามีกิจการของตนเอง แม้ว่าเป็นช่วงปี 25302534 ที่เศรษฐกิจกำลังขาขึ้นแต่ความที่ยังไม่มีประสบการณ์ในฐานะเจ้าของกิจการทำให้ล้มลุกคลุกคลานในที่สุดจึงปิดกิจการไปและเปิดบริษัทใหม่ชื่อว่า บริษัท เอ็มอีเอส อิควิพเม้นท์ ปี 2534 ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ตั้งแต่นั้นมากิจการได้รุ่งเรืองมาโดยตลอด

ปัจจุบันเพื่อนที่ร่วมก่อตั้งบริษัทมาคือ ประสิทธิพร วิริยะประพันธ์เป็นผู้อำนวยการสายงานวิศวกรรม และ สุริยัน อารีสินพิทักษ์เป็นผู้อำนวยการสายงานบริหารทั่วไป

เริ่มแรกการก่อตั้งบริษัทให้บริการเฉพาะงานติดตั้งงานวิศวกรรมงานระบบภายในอาคาร อาทิ ระบบไฟฟ้า ระบบสื่อสารโทรคมนาคม งานระบบปรับอากาศ ระบบสุขาภิบาลลุงานระบบป้องกันอัคคีภัย

ปี 2544 เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท เมสโปร (1989) และปี 2549 ขยายขอบเขตการดำเนินธุรกิจไปสู่ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างอย่างครบวงจร ตั้งแต่ออกแบบโครงสร้าง สถาปัตยกรรม งานก่อสร้างระบบภายในอาคารโดยกลุ่มลูกค้ามีทั้งภาครัฐและเอกชน งานก่อสร้างมีทั้งอาคารสูง ที่พักอาศัย โรงแรม รีสอร์ต โรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น

เดิมลูกค้าส่วนใหญ่เป็นเอกชน แต่ปัจจุบันเริ่มขยายสู่ภาครัฐโดย 9 เดือนแรกปี 2553 รับเหมาก่อสร้างงานภาครัฐถึง 60%

เมื่อการดำเนินธุรกิจเติบโตมาอย่างต่อเนื่องจึงต้องการระดมทุน โดยปัจจุบันหนี้สินต่อทุนของบริษัทประมาณ 1 เท่า หากเรียกชำระหุ้นเพิ่มทุนจาก 60 ล้านบาทเป็น 80 ล้านบาท พาร์หุ้นละ 0.25 บาท จะทำให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุนลดต่ำกว่า 1 เท่า

การขายหุ้นเพิ่มทุนเข้าตลาดเอ็ม เอ ไอ ครั้งนี้ ผู้ถือหุ้นใหญ่มีระยะเวลาห้ามขาย 1 ปี

สำหรับผลงานของบริษัท 9 เดือนแรกปี 2553 ที่ผ่านมา บริษัทนี้มีรายได้ 133 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2.16 ล้านบาท เทียบปี 2552 ที่มีกำไรสุทธิ 9 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นไปตามวงจรของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง

สมศักดิ์กล่าวว่า มูลค่างานในมือสิ้น ก.ย. 2553 มี 362 ล้านบาทที่จะรับรู้รายได้ในปีนี้

ในภาวะที่เศรษฐกิจขาขึ้นและภาครัฐมีโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ที่จะทำให้การลงทุนภาคเอกชนกระเตื้อง สมศักดิ์เชื่อว่าจะเป็นโอกาสเติบโตของบริษัท

ยามว่างของชายคนนี้ เขาชอบอ่านหนังสือศึกษาเพิ่มเติมเรื่องการบริหารจัดการ ด้วยความที่ลูกๆ ของเขาโตหมดแล้ว โดยลูกสาวคนโตวัย 26 ปี จบปริญญาโทบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัยรังสิต ลูกชายคนเล็กวัย 24 ปี กำลังจะเรียนต่อปริญญาโท หลังจบบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

สำหรับตัวเขาเองตอนนี้ได้ปริญญาโทบริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มาครอบครองอีกใบเมื่อปี 2551

ผมแต่งงานเมื่ออายุ 28 ปี ตอนนั้นเป็นลูกจ้าง คิดว่าจะหยุดสำมะเลเทเมา ตั้งเนื้อตั้งตัว

ข่าวล่าสุด

ทบ. เผยโรงพยาบาล 20 แห่ง รพสต. 201 แห่ง ได้รับผลกระทบจากการสู้รบ