ครม.ศก.เคาะ 4 มาตรการเยียวยา-ฟื้นฟูน้ำท่วมใต้ หลังเสียหายกว่า 5 แสนล.
เอกนิติ เผย ครม.เศรษฐกิจเห็นชอบ 4 มาตรการอุ้มประชาชนและ SME ที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมใต้ ครอบคลุมพักหนี้–สินเชื่อดอกเบี้ย 0% แจกเยียวยา 9,000 บาท ลดภาษี ฟื้นธุรกิจ
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) ครั้งที่ 6/2568 ซึ่งมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีเป็นประธานว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบมาตรการฟื้นฟูและเยียวยาหลังน้ำท่วมภาคใต้ จำนวน 4 ด้าน หลังอุทกภัยสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจและทรัพย์สินรวมกว่า 5 แสนล้านบาท กระทบประชาชนกว่า 2.9 ล้านคน
โดยแบ่งมาตการช่วยเหลือเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ มาตรการเยียวยาประชาชน และมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SME สรุปสาระสำคัญดังนี้
1. มาตรการลดภาระหนี้และปล่อยสินเชื่อ
- รัฐบาลจะพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 0% นาน 12 เดือน วงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อราย โดย ธปท. จะผ่อนกฎเกณฑ์ไม่ให้จัดเป็นหนี้เสีย (NPL)
- สินเชื่อเยียวยา ให้ผู้ประสบภัยกู้เพิ่มได้รายละไม่เกิน 100,000 บาท ดอกเบี้ย 0% นาน 12 เดือน พร้อมเร่งอนุมัติ
- สินเชื่อฟื้นฟู ดอกเบี้ยต่ำ 0% นาน 12 เดือน วงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาท โดย ธปท. และสมาคมธนาคารไทยจะร่วมออกแบบรายละเอียด
- ช่วยเหลือเอสเอ็มอี ใช้ซอฟต์โลนดอกเบี้ยต่ำ และการค้ำประกันสินเชื่อโดย บสย. โดยนำโมเดลจากพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้มาปรับใช้
- มาตรการเร่งด่วน ใช้เงินทุนของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) ทั้งหมด ไม่ดึงงบประมาณรัฐ แต่เป็นความร่วมมือจากสถาบันการเงิน
- สำหรับธนาคารพาณิชย์ หากปล่อยสินเชื่อแล้วมีความเสียหาย รัฐจะช่วยดูแลผ่านโครงการินเชื่อตามนโยบายรัฐ (Public Service Account) ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เพื่อรองรับความเสี่ยง พร้อมให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสมาคมธนาคารไทยกำหนดมาตรฐานเดียวกัน พิจารณาผ่อนปรนเกณฑ์เพื่อให้ธนาคารเข้าร่วมได้สะดวก รวมถึงหารือเรื่องเงินชดเชยกับกระทรวงการคลังต่อไป
2.มาตรการเพิ่มเงินในกระเป๋า
- รัฐเตรียมเสนอ ครม. อนุมัติ เงินเยียวยาครัวเรือนละ 9,000 บาท ในวันที่ 2 ธ.ค. 2568 โดยกระทรวงมหาดไทยเตรียมระบบอำนวยความสะดวกไว้แล้ว
- กระทรวงการคลังเพิ่มงบ "เงินทดลอง" จังหวัดละ 100 ล้านบาท พร้อมผ่อนเกณฑ์เบิกจ่ายเพื่อใช้ในภาวะฉุกเฉิน
- คปภ. ช่วยจ่ายชดเชยความเสียหายทรัพย์สิน: บ้านเรือนไม่เกิน 20,000 บาท / ร้านค้า 30,000 บาท สำหรับผู้มีประกัน / รถยนต์เคลมง่ายขึ้นเพียงถ่ายรูปรถคู่กับทะเบียนและระดับน้ำ
- ด้านแรงงาน ขยายเวลานำส่งเงินสมทบประกันสังคม พร้อมจ่ายเงินทดแทนว่างงาน 50% ของค่าจ้าง สูงสุด 180 วัน
- ผู้ประกอบการที่มีลูกจ้างไม่เกิน 200 คน สามารถกู้ได้ไม่เกิน 15 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการจ้างงาน
3. มาตรการลดภาระค่าใช้จ่าย
- ขยายเวลาชำระภาษีและค่าธรรมเนียม ลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ประสบภัย
- ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซ่อมแซมบ้าน ไม่เกิน 100,000 บาท, รถ ไม่เกิน 30,000 บาท
- ผู้ประกอบการหักค่าใช้จ่ายซ่อมแซมทรัพย์สิน 2 เท่า
- การบริจาคช่วยผู้ประสบภัย สามารถลดหย่อนภาษีได้ตามเกณฑ์
4 .มาตรการด้านอื่น ๆ
- ประกอบด้วยการตรวจสอบความปลอดภัยบ้านเรือน ระบบน้ำ ไฟฟ้า และโครงสร้างพื้นฐานของรัฐวิสาหกิจ รวมถึงการอำนวยความสะดวกการจดทะเบียนนิติบุคคล การให้คำปรึกษาด้านการค้าระหว่างประเทศ และการยื่นงบการเงิน
- ธปท. ยังได้รับมอบหมายให้พิจารณามาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์และผู้ให้บริการ Non-Bank ให้สอดคล้องกับแนวทางของ SFIs
- นอกจากนี้ จะมีการตั้งคณะทำงานถอดบทเรียนภัยพิบัติ เพื่อวางระบบบริหารจัดการน้ำทั้งระยะสั้น–ยาว กระทรวงการต่างประเทศจะประสานกับประเทศที่มีประสบการณ์ เช่น ญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาระบบป้องกันอุทกภัย ขณะที่กระทรวงท่องเที่ยวฯ เตรียมแคมเปญกระตุ้นท่องเที่ยวและส่งเสริมให้ส่วนราชการจัดสัมมนาในพื้นที่ เพื่อสร้างรายได้
- ส่วนมาตรการค่าน้ำ–ค่าไฟฟรี อยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงมหาดไทย
นอกจากนี้ยังมี มาตรการลดภาระค่าครองชีพโดยกระทรวงพาณิชย์ 3 ระยะ
ระยะที่ 1 ช่วยเหลือเร่งด่วน ส่งสินค้าอุปโภคบริโภคจำเป็นลงพื้นที่ ร่วมกับผู้ผลิตและห้างโมเดิร์นเทรด เพื่อลดราคาสินค้าจำเป็น โดยเฉพาะอุปกรณ์ทำความสะอาด วัสดุก่อสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้า พร้อมจัด “ธงฟ้า” ลดราคาสูงสุด 80%
ระยะที่ 2 เยียวยา อำนวยความสะดวกให้ประชาชนเข้าถึงอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้าน รถยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็นเพื่อฟื้นฟูชีวิตประจำวัน
ระยะที่ 3 ฟื้นฟู จัดมหกรรมธงฟ้า ส่งเสริมอาชีพผ่านแฟรนไชส์ราคาประหยัด เปิดจุดจำหน่ายสินค้า จัดงานแสดงสินค้าภาคใต้ พร้อมนำผู้ประกอบการแฟรนไชส์ลงพื้นที่ เพื่อเปิดโอกาสประชาชนสร้างอาชีพใหม่ โดยจะประสานกระทรวงการคลังสนับสนุนค่าใช้จ่ายบางส่วน และร่วมกับ SME D Bank ช่วยผู้ประกอบการรายย่อยเข้าถึงแหล่งเงินทุน


