posttoday

ขีดเส้น 2 สัปดาห์ คลังเร่งเต็มสูบ "ดาต้าบูโร” เชื่อมข้อมูล-อุดรูรั่วสกัดเงินเทา

10 พฤศจิกายน 2568

ลวรณ ปลัดคลัง เผยคณะทำงาน “ดาต้า บูโร” เร่งทำงานแข่งเวลา 2 สัปดาห์ เชื่อมโยงข้อมูลทุกหน่วยงานหาช่องโหว่ระบบการเงิน สกัดสแกมเมอร์ เงินเทา พร้อมเผยเร่งจัดทำแผนการคลังระยะปานกลางฟื้นความเชื่อมั่นชาติ

KEY

POINTS

  • กระทรวงการคลังเร่งจัดตั้ง “ดาต้าบูโร” เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลทางการเงินจากหน่วยงานต่างๆ เช่น ธปท. กรมศุลกากร และ ก.ล.ต. เพื่อสกัดกั้นเงินเทา
  • คณะทำงานได้รับกรอบเวลา 2 สัปดาห์ในการค้นหาและอุดช่องโหว่ของระบบที่มิจฉาชีพใช้เป็นช่องทางฟอกเงิน
  • เป้าหมายคือการสร้างระบบข้อมูลกลางให้หน่วยงานกำกับดูแลเห็นภาพรวมธุรกรรมร่วมกัน เพื่อวิเคราะห์และปิดจุดอ่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะทำงาน “ดาต้าบูโร” (Data Bureau) อยู่ระหว่างการเร่งเชื่อมโยงและรวบรวมข้อมูลจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กรมศุลกากร สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รวมถึงหน่วยงานที่กำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลและสินทรัพย์มีค่า เช่น ทองคำและคริปโตเคอร์เรนซี เพื่อจัดตั้งระบบข้อมูลกลางให้หน่วยงานกำกับสามารถมองเห็นภาพรวมธุรกรรมทางการเงินได้ครบทุกมิติ

ระบบดังกล่าวจะเป็นกลไกสำคัญในการ ปิดช่องโหว่ของข้อมูลทางการเงิน และลดความเสี่ยงจากธุรกรรมเงินเทา รวมถึงป้องกันการกระทำผิดของกลุ่มมิจฉาชีพและแก๊งสแกมเมอร์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นายลวรณ ชี้ว่า ปัญหาสำคัญในขณะนี้คือไทยยังมี ช่องโหว่ด้านกฎหมายและการเชื่อมโยงข้อมูล เนื่องจากแต่ละหน่วยงานต่างมีอำนาจหน้าที่และฐานข้อมูลของตนเอง เช่น กรมศุลกากรมีข้อมูลการนำเข้า–ส่งออกทองคำ ขณะที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีข้อมูลการโอนเงินและการซื้อขายจากต่างประเทศ แต่ข้อมูลเหล่านี้ยังคงแยกส่วนและไม่ได้เชื่อมโยงเข้าหากันอย่างเป็นระบบ ทำให้ “ทุกคนเห็นภาพคนละมุม” และยังไม่สามารถประเมินความเสี่ยงได้ครบถ้วน

“ดาต้าบูโรไม่ใช่การตั้งองค์กรใหม่ แต่เป็นการจัดระบบข้อมูลให้ทุกหน่วยงานสามารถเห็นข้อมูลของกันและกัน เพื่อวิเคราะห์ภาพรวมไปในทิศทางเดียวกัน โดยจะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงข้อมูลจากทุกหน่วยงาน ให้เห็นชัดว่าช่องโหว่ของระบบอยู่ตรงไหน และกำหนดแนวทางปิดจุดอ่อนเหล่านั้นให้แคบลงมากที่สุด” นายลวรณ กล่าว

ทั้งนี้ คณะทำงานฯ ได้รับกรอบเวลาทำงานจำกัดเพียง 2 สัปดาห์ เพื่อค้นหาและปิด “ช่องโหว่” ในระบบกำกับดูแลทางการเงินของประเทศให้เจอ ซึ่งเป็นจุดอ่อนที่กลุ่มมิจฉาชีพและแก๊งสแกมเมอร์ใช้เป็นช่องทางหมุนเงินเทาเข้าระบบ โดยคณะทำงานกำหนดแนวทางดำเนินการไว้ 2 ขั้นตอนหลัก ได้แก่


1. หาช่องโหว่ให้เจอ โดยนำข้อมูลและข้อกฎหมายของแต่ละหน่วยงานมาวิเคราะห์ร่วมกัน เพื่อระบุจุดอ่อนที่เกิดจากการแยกข้อมูล
2. ปิดช่องโหว่ให้ได้ หากเป็นเรื่องในระดับหลักเกณฑ์ หน่วยงานสามารถออกข้อกำหนดใหม่ได้ทันที แต่หากจำเป็นต้องปรับกฎหมายระดับสูง จะเสนอเพิ่มเติมผ่าน พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เพื่อให้การกำกับดูแลมีประสิทธิภาพและทันต่อสถานการณ์

“ภารกิจนี้ไม่ใช่เพื่อชี้ตัวบุคคลหรือเอาผิดใคร แต่เป็นการอุดรูรั่วของระบบ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และลดความเสียหายจากธุรกรรมผิดกฎหมาย สองสัปดาห์นี้เป็นช่วงเวลาสำคัญที่เราต้องเห็นภาพรวมของระบบการเงินทั้งประเทศให้ชัดเจนขึ้น” นายลวรณ กล่าว

นอกจากนี้ นายลวรณ กล่าวว่า กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างเร่งจัดทำ แผนการคลังระยะปานกลาง (Medium-Term Fiscal Framework : MTFF) เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) ภายในพ.ย. 2568 โดยแผนดังกล่าวจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นด้านการคลัง และตอบคำถามของบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ หลังจากที่ไทยถูกปรับ Outlook ลงก่อนหน้านี้

“MTFF รอบนี้จะชัดเจนกว่าทุกครั้ง มีเป้าหมายลดขาดดุลงบประมาณให้ต่ำกว่า 3% เพิ่มประสิทธิภาพจัดเก็บรายได้ และจำกัดเพดานหนี้สาธารณะให้อยู่ในระดับมั่นคง เป็นการส่งสัญญาณว่าประเทศไทยมุ่งสู่ วินัยการเงินการคลังเข้มข้น เพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับคืน” นายลวรณ กล่าว

ข่าวล่าสุด

“จุลพันธ์” ผนึกประชาชาติ ลุยหาดใหญ่ จวกรัฐบาลบริหารน้ำท่วมพลาด