posttoday

สำนักงานสลากฯ ชงกฤษฎีกาตีความ คืนเงินผู้ซื้อสลากL6 ไม่ถูกรางวัล

08 พฤศจิกายน 2568

ปลัดคลังเผย สำนักงานสลากฯ อยู่ระหว่างรอความเห็นจากกฤษฎีกา คืนเงินผู้ซื้อสลาก L6 ไม่ถูกรางวัล ชี้ต้องทำให้มั่นใจว่า ดำเนินการถูกต้องตามกม. คาดเริ่มใช้ได้งวด ม.ค. 69 แจงปัญหาโควตา จบแล้ว ย้ำระบบโปร่งใส ไม่มีร้องเรียนเพิ่ม พร้อมจัดระเบียบองค์กรโควตาใหม่ ถึงมือผู้ขายจริง

KEY

POINTS

  • สำนักงานสลากฯ กำลังเสนอเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความทางกฎหมายเกี่ยวกับแนวทางการคืนเงิน (cash back) ให้กับผู้ซื้อสลาก L6 ในรูปแบบดิจิทัลที่ไม่ถูกรางวัล
  • แนวคิดดังกล่าวเรียกว่า "สลากเพื่อการออม" โดยเงินคืนจะถูกสะสมในระบบออมอิเล็กทรอนิกส์ (e-Saving) ผ่านแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง"
  • หากกฤษฎีกาเห็นชอบภายในปีนี้ คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ในงวดเดือนมกราคม 2569 โดยใช้เงินจากงบประมาณบริหารของสำนักงานสลากฯ

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้นำแนวทางคืนเงินผู้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล 6 หลัก (สลาก L6) ในรูปแบบดิจิทัล (cash back) เพื่อการออม สำหรับผู้ที่ไม่ถูกรางวัล เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา ทั้งนี้เพื่อยืนยันความถูกต้องตามกฎหมายก่อนเริ่มดำเนินการ โดยแนวคิด “สลากเพื่อการออม” ออกแบบให้ผู้ซื้อสามารถสะสมเงินส่วนหนึ่งจากการไม่ถูกรางวัลไว้ในระบบออมอิเล็กทรอนิกส์ (e-Saving) ผ่านแอปฯ “เป๋าตัง”

“โครงสร้างทางเทคนิคและกลไกการบริหารเงินได้ออกแบบเสร็จแล้ว เหลือเพียงความชัดเจนทางกฎหมาย ซึ่งขณะนี้สำนักงานสลากฯ ได้ส่งเรื่องสอบถามไปทางคณะกรรมการกฤษฎีอยู่ เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินการได้ถูกต้องตามกฎหมาย” นายลวรณ กล่าว 

ปัจจุบันรายได้จากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล แบ่งเป็นสัดส่วน

1.จัดสรรเป็นเงินรางวัล 60% ของราคาสลาก

2.นำรายได้ส่งเข้ารัฐ 23%

3. ค่าใช้จ่ายบริหารและจำหน่าย 17%

ในค่าใช้จ่ายบริหารจัดการและจำหน่าย 17% จะถูกแบ่งเป็น 12–14% สำหรับส่วนลดตัวแทน มูลนิธิ และองค์กรต่าง ๆ เหลือเพียง 3–5% เป็นค่าใช้จ่ายสำนักงานสลากฯ เช่น เงินเดือนพนักงาน ค่าน้ำค่าไฟ เป็นต้น

ซึ่งสำนักงานสลากฯ จะนำส่วนนี้มาจัดสรรเพื่อ คืนเงินให้กับ ผู้ซื้อสลากในรูปแบบเงินออม โดยผู้ซื้อสามารถ สะสมและตรวจสอบยอดได้ผ่านแอปเป๋าตัง ทำให้ผู้ซื้อสามารถรับประโยชน์จากสลากได้มากขึ้น นอกจากโอกาสถูกรางวัลแบบเดิม
 

“เงินที่สะสมจากผู้ไม่ถูกรางวัลจะถูกรวมลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย โดยผู้ซื้อยังคงเป็นเจ้าของเงินนั้นตลอดเวลา เสมือนมีบัญชีออมเฉพาะบุคคล คล้ายบัญชีเพื่อการลงทุนระยะยาว แนวคิดดังกล่าวสอดคล้องกับแผนของ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ ที่กำลังผลักดัน บัญชีเงินออมส่วนบุคคล โดยคาดว่าหากกฤษฎีกาให้ความเห็นภายในปีนี้ จะเริ่มดำเนินการได้ในงวดเดือน ม.ค. 2569" นายลวรณ กล่าว

สำหรับ กรณีการจัดสรรโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลให้ตัวแทนจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลประเภทนิติบุคคล (สมาคม องค์กรการกุศล มูลนิธิ) ขณะนี้ปัญหาการกระจายโควตาได้ จบแล้ว หลังจากสำนักงานฯ ปรับระบบจำหน่ายใหม่ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลและการซื้อ-จองล่วงหน้า ทำให้สัดส่วนกว่า 70% ของสลากทั้งหมดอยู่ในระบบ “เป๋าตัง” ซึ่งสัดส่วนดังกล่าวมีความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้

ส่วนอีก 30% ที่ยังคงจัดสรรให้สมาคม องค์กรการกุศล และมูลนิธิต่าง ๆ นั้น นายลวรณ ยืนยันว่า สำนักงานสลากฯ มีรายชื่อสมาชิกของแต่ละสมาคมที่ได้รับโควตาอย่างเป็นทางการ หากมีการร้องเรียนว่าสมาชิกถูกสวมสิทธิ์หรือไม่ได้รับสลากตามสิทธิ์จริง เราพร้อมตรวจสอบทันที แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีผู้ร้องเรียนแม้แต่รายเดียว

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าที่ผ่านมาอาจมีบางองค์กรบริหารโควตาภายในไม่เท่าเทียม เช่น การขายเหมาในราคาสูงกว่าที่กำหนด แต่ยืนยันว่าหากทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันด้วยความโปร่งใส สมาชิกได้รับผลตอบแทนที่เป็นธรรม ก็จะไม่มีปัญหาเกิดขึ้น

ทั้งนี้ ยังเสนอแนวทางในอนาคตว่า หากสามารถจัดระเบียบผู้ค้าสลากฯ คนพิการได้ครบถ้วน โดยใช้ฐานข้อมูลจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ซึ่งมีรายชื่อคนพิการกว่า 2 ล้านคน ก็อาจพิจารณาให้สลากฯไปถึงผู้ค้าคนพิการโดยตรงในระบบดิจิทัล โดยไม่ต้องผ่านคนกลาง “เพื่อให้สิทธิ์ถึงมืออย่างแท้จริงและลดปัญหาหัวคิวในอนาคต”

ปัจจุบันสำนักงานฯ จัดสรรสลากกินแบ่งรัฐบาล 6 หลัก (L6) จำนวน 105 ล้านฉบับ หรือ 1,050,000 เล่มต่อรอบ ได้แก่

  • ระบบจองล่วงหน้า (รายย่อย) 466,254 เล่ม 
  • สลากดิจิทัล 270,000 เล่ม 
  • ระบบซื้อ (รายย่อย) 15,360 เล่ม 
  • สลาก 80 18,627 เล่ม 
  • กลุ่มคนพิการ 7,408 เล่ม 
  • บุคคลทั่วไป (รายย่อย) 127,256 เล่ม 
  • ตัวแทนนิติบุคคล/สมาคม/มูลนิธิ/ผู้พิการ 145,095 เล่ม 

ข่าวล่าสุด

MIXUE ไทยบริจาค 1 ล้านบาท เร่งช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้