posttoday

ศึกทีวีดาวเทียมระอุ รายใหญ่แห่ฮุบช่อง

07 กุมภาพันธ์ 2554

ในที่สุดธุรกิจทีวีดาวเทียมก็มาถึงจุดที่มีโอกาสสร้างรายได้อย่างเป็นจริงเป็นจังมากขึ้น หลังจากอยู่ในภาวะฝุ่นตลบในช่วง 34 ปีที่ผ่านมา จุดเปลี่ยนสำคัญมาจากการขยายตัวของจานดาวเทียม ที่ปัจจุบันครอบคลุมบ้านของประชากรไทยราว 50% หรือ 10 ล้านครัวเรือน อีกอย่างคือมีเรตติ้ง ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการหารายได้ของผู้ผลิตรายการ

ปัจจุบัน เอซี นีลเส็น เข้ามาจัดเรตติ้งรายการโทรทัศน์ทีวีดาวเทียม 1 ใน 20 ช่องอันดับแรก ทำให้ผู้โฆษณาเชื่อมั่นมากขึ้นในการซื้อโฆษณา ประกอบกับช่องฟรีทีวีอัตราจองโฆษณาค่อนข้างเต็ม เพราะถูกกฎหมายจำกัดให้โฆษณาได้ 10 นาทีต่อชั่วโมง

เมื่อมีความต้องการซื้อโฆษณามากขึ้น ค่าโฆษณาแพงตาม ทีวีดาวเทียมจึงเป็นทางเลือกใหม่ในราคาที่ถูกกว่าฟรีทีวีเป็น 100 เท่า ผู้ผลิตรายการที่เป็นเจ้าของคอนเทนต์ จึงเห็นเป็นโอกาสที่จะชิงเค้กโฆษณาก้อนนี้จากฟรีทีวี เพราะมีมูลค่าถึง 6 หมื่นล้านบาท และที่สำคัญเป็นธุรกิจที่ไม่มีค่าสัมปทาน

อรพรรณ มนต์พิชิต บวรวัฒนะ รองประธานสายงานลิขสิทธิ์และกลุ่มทีวี บริษัท โรส มีเดีย แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ผู้ให้บริการช่องแก๊งการ์ตูน แชนแนล และช่องโฟร์ตี้ ฟิฟตี้ แชนแนล กล่าวว่า แนวโน้มของธุรกิจทีวีดาวเทียมเริ่มดีขึ้น เนื่องจากมีการวัดเรตติ้ง ทำให้ผู้โฆษณามั่นใจในการใช้เงินมากขึ้น แต่ต้องสร้างความต่างเพื่อดึงลูกค้าให้มาใช้เงิน เพราะทุกวันนี้ช่องทีวีดาวเทียมมีมากกว่า 100 ช่อง ผู้ชมดูได้จริงไม่เกิน 20 ช่อง ซึ่งตอนนี้มีรายเล็กที่เลิกไป และมีรายใหญ่เข้ามาจับจองพื้นที่แทน

ค่าโฆษณาทางทีวีดาวเทียมยังถูกมาก เพียง 5,000 บาทต่อนาที มีแนวโน้มสูงขึ้น แต่คงยังปรับไม่ได้มาก เพราะส่วนใหญ่เจ้าของสินค้าจะซื้อแบบยกแพ็ก ฉะนั้นช่องที่ไม่แข็งแรงจะอยู่ไม่ได้ และเริ่มเห็นการขายช่องให้กับรายใหญ่ที่มีความพร้อมในด้านเงินทุน ที่เริ่มเข้ามาไล่ซื้อช่องกันมากในช่วงนี้ ซึ่งสุดท้ายก็จะเหลือแต่รายใหญ่ๆ เท่านั้นอรพรรณ กล่าว

ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ กล่าวว่า ทีวีดาวเทียมคือชีวิตใหม่ของแกรมมี่ หลังจากรอมา 15 ปี เพราะการมี พ.ร.บ.การประกอบกิจการวิทยุโทรทัศน์ ทำให้ทำธุรกิจนี้ได้อย่างถูกกฎหมาย และด้วยความพร้อมของบริษัท ปีนี้จะขยายช่องทีวีดาวเทียมอีก 510 ช่อง จากที่มีอยู่แล้ว 6 ช่อง และยังจองช่องทีวีดาวเทียมจากไทยคมไว้ทั้งหมด 20 ช่อง เพื่อขยายช่องรายการเพิ่มในอนาคต

แผนธุรกิจของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ คือการสร้างแพลตฟอร์มทีวีดาวเทียมของตัวเอง และขายเป็นแพ็กผ่านกล่องรับสัญญาณ (Set Top Box) จึงดึงพันธมิตรเข้ามาร่วมเป็นเครือข่าย เช่น สาระแน แชนแนล ของวิลลี่เปิ้ลหอย และจะร่วมมือกับเจเอสแอล เอสทีจี มัลติมีเดีย รวมถึงซื้อลิขสิทธิ์รายการจากต่างประเทศ ทั้งภาพยนตร์ ซีรีส์เกาหลี อเมริกา รวมถึงสนใจในลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดกีฬาต่างๆ ด้วย

ภายใน 3 ปี รายได้จากทีวีดาวเทียมจะมากกว่าธุรกิจเพลงซึ่งเป็นธุรกิจหลัก เพราะนี่คืออิสรภาพของสื่อที่ไม่มีข้อจำกัด ต่อไปการแข่งขันแข่งที่คอนเทนต์เป็นหลักไพบูลย์ กล่าว

ด้าน พรพรรณ เตชรุ่งชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท อาร์เอส กล่าวว่า ปีนี้อาร์เอสจะขยายช่องทีวีดาวเทียมอีก 3 ช่อง รวมเป็น 5 ช่อง แนวคิดหลักคือการแย่งเม็ดเงินจากอุตสาหกรรมโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์ที่มีมูลค่าถึง 6 หมื่นล้านบาทต่อปี ดังนั้นช่องใหม่ คือ ช่อง 8 อินฟินิตี้ ที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือน มี.ค. จะเป็นช่องบันเทิงที่มีละครใหม่ออกอากาศเพื่อแข่งกับฟรีทีวีโดยตรง

แนวคิดในการทำช่องทีวีดาวเทียมของเรา คือ มุ่งตอบสนองวิถีชีวิตของผู้บริโภคเป็นหลัก และมีโอกาสทางธุรกิจชัดเจน ปริมาณไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่คุณภาพและการตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดพรพรรณ กล่าว

ปัจจุบันธุรกิจทีวีดาวเทียมเข้าสู่ยุคปลาใหญ่กินปลาเล็ก รายเล็กๆ ที่เคยอยู่ในตลาดก่อนหน้านี้เริ่มลดน้อยลง หลีกทางให้กับผู้ที่มีความพร้อม โดยเฉพาะด้านคอนเทนต์จะได้เปรียบ เพราะการดึงงบโฆษณามาได้ต้องเป็นคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ ซึ่งตอนนี้ผู้ประกอบการรายใหญ่ๆ ได้เข้าไปจับจองช่องดาวเทียมไว้หมดแล้ว

เมฆินทร์ เพ็ชรพลาย ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานขายไทย อินโดจีน และจีน บริษัท ไทยคม กล่าวว่า ปัจจุบันช่องออกอากาศของดาวเทียมไทยคม 5 เกือบเต็ม และมีคนจองไว้แล้ว โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่ โดยระบบซีแบนด์เหลืออยู่ 45 ช่อง และระบบเคยูแบนด์เหลือ 710 ช่อง และมีประมาณ 10 ช่องที่ไม่แข็งแรง และอาจเลิกการผลิตรายการ ซึ่งรายใหญ่พร้อมจะเข้ามาจับจองช่องไว้

ทั้งนี้ ไทยคมจะให้ความสำคัญกับรายเล็กและรายใหญ่อย่างเท่าเทียมกัน โดยพิจารณาดูจากเนื้อหาของช่องรายการเป็นหลัก และจัดประเภทให้เป็นหมวดหมู่ ให้แข่งขันกันอย่างเท่าเทียม แต่ต้องยอมรับว่าผู้ผลิตรายการรายใหญ่มีความได้เปรียบด้วยเนื้อหารายการที่มี สามารถนำมาบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพในหลากหลายช่องทาง

มองว่าช่องรายการเพียง 20 อันดับแรกเท่านั้นที่จะได้เงิน จากช่องที่มีอยู่เป็น 100 ช่อง สุดท้ายคุณภาพรายการจะเป็นตัวพิสูจน์ และทำให้เกิดการเปลี่ยนหน้าของผู้ลงทุนเข้ามาเรื่อยๆเมฆินทร์ กล่าวทิ้งท้าย

ข่าวล่าสุด

ขนส่ง เตือน! รถติดถุงลมนิรภัยทาคาตะ เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต เช็ก-เปลี่ยนฟรี