ไทยเวียตเจ็ทเสริมฝูงบินใหม่ 50 ลำ ตั้งเป้าเป็นฮับการบินอาเซียน
ไทยเวียตเจ็ทเดินเกมรุก รับ Boeing 737-8 รวม 50 ลำ ขยายเส้นทางบินสู่เอเชีย-ออสเตรเลีย มุ่งรายได้ 40,000 ล้านบาทปี 2571 พร้อมสร้างงานเพิ่มกว่า 5,000 ตำแหน่ง
KEY
POINTS
- ไทยเวียตเจ็ทประกาศแผนยุทธศาสตร์ช่วงปี 2568-2571 โดยจะรับมอบเครื่องบินใหม่รุ่น Boeing 737-8 จำนวน 50 ลำ
- ตั้งเป้าหมายผลักดันประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) และการท่องเที่ยวของภูมิภาคอาเซียน
- ปรับกลยุทธ์มุ่งเน้นเส้นทางบินระหว่างประเทศให้มีสัดส่วนรายได้ถึง 80% โดยจะเปิดเส้นทางใหม่ไปยังญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย และออสเตรเลีย
- คาดว่าการขยายธุรกิจครั้งนี้จะสร้างงานใหม่กว่า 4,000-5,000 ตำแหน่ง และตั้งเป้ารายได้ 40,000 ล้านบาทภายในปี 2571
ไทยเวียตเจ็ทสยายปีก เสริมทัพฝูงบินใหม่ 50 ลำ มุ่งสู่ศูนย์กลางการบินอาเซียน
สายการบินไทยเวียตเจ็ทประกาศแผนยุทธศาสตร์เชิงรุกช่วงปี 2568-2571 ด้วยเป้าหมายทะเยอทะยานที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดการบินต้นทุนต่ำ และผลักดันให้ประเทศไทยเป็น "ฮับการบินและการท่องเที่ยว" แห่งภูมิภาคอาเซียน โดยมีหัวใจสำคัญคือการขยายฝูงบินครั้งใหญ่ การเปิดเส้นทางบินใหม่ และการลงทุนในเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
ยกระดับฝูงบินด้วย Boeing 737-8
หนึ่งในกลยุทธ์หลักของไทยเวียตเจ็ทคือการยกเครื่องฝูงบินทั้งหมด โดยจะทยอยรับมอบเครื่องบินรุ่นใหม่ Boeing 737-8 จำนวน 50 ลำ ภายในปี 2571 ซึ่งเป็นการเปลี่ยนจากฝูงบินเดิมมาใช้เครื่องบินจากค่ายโบอิ้งทั้งหมด การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้จะเริ่มขึ้นในไตรมาส 4 ปี 2568 โดยจะมีการรับมอบเครื่องบินใหม่ 9 ลำ และปลดระวางเครื่องบินเก่า 4 ลำ ทำให้สิ้นปี 2568 ไทยเวียตเจ็ทจะมีฝูงบินรวม 23 ลำ จากเดิม 18 ลำในปีที่ผ่านมา
นายวรเนติ หล้าพระบาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของไทยเวียตเจ็ท เปิดเผยว่า การขยายฝูงบินนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยตั้งเป้าเพิ่มรายได้เป็น 40,000 ล้านบาทในปี 2571 ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าจากที่คาดการณ์ไว้ในปี 2568 ที่ 15,000 ล้านบาท แม้ว่าในปีนี้รายได้จะได้รับผลกระทบจากการลดลงของนักท่องเที่ยวจีน ทำให้ต้องปรับเป้าหมายลงเหลือ 15,000 ล้านบาท จากเดิม 18,000 ล้านบาท
ปรับสมดุลเส้นทางบิน: โฟกัสตลาดต่างประเทศ
กลยุทธ์สำคัญอีกประการคือการปรับสัดส่วนรายได้ โดยให้ความสำคัญกับ เส้นทางบินระหว่างประเทศ ที่มีอัตรากำไรสูงกว่าตลาดในประเทศอย่างชัดเจน จากเดิมที่สัดส่วนรายได้ในประเทศคิดเป็น 65% และระหว่างประเทศ 35% ในปีนี้ จะถูกปรับเปลี่ยนเป็น 20% และ 80% ตามลำดับภายในปี 2571 การปรับกลยุทธ์นี้จะช่วยให้สายการบินสามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง หลังจากทำกำไรได้เป็นปีแรกเมื่อปี 2567 ที่ผ่านมา
เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ไทยเวียตเจ็ทได้วางแผนที่จะเปิดเส้นทางบินใหม่ๆ เชื่อมต่อเมืองหลักและเมืองรองในประเทศไทยกับเมืองสำคัญทั่วเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย เวียดนาม รวมถึงออสเตรเลีย โดยมีแผนจะเปิดเส้นทางบินระยะไกล (Long-haul) เส้นทางภูเก็ต-เพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย ในไตรมาส 4 ปี 2569
เพิ่มขีดความสามารถและสร้างงาน
การขยายตัวครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดการบินต้นทุนต่ำที่ดุเดือดเท่านั้น แต่ยังสร้างโอกาสในการจ้างงานให้กับคนไทยอีกกว่า 4,000-5,000 ตำแหน่ง ครอบคลุมทั้งนักบิน พนักงานต้อนรับ พนักงานภาคพื้นดิน และฝ่ายวิศวกรรม จากปัจจุบันที่มีพนักงานประมาณ 1,300 คน โดย 98% เป็นคนไทย
ในส่วนของการเพิ่มเส้นทางบินระยะใกล้ นายปิ่นยศ พิบูลสงคราม รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการพาณิชย์ กล่าวเสริมว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 นี้ จะมีการเปิดเส้นทางบินใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และอินเดีย ที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง เช่น กรุงเทพฯ-โซล, กรุงเทพฯ-โตเกียว (นาริตะ), กรุงเทพฯ-โอซาก้า (คันไซ), กรุงเทพฯ-โกลกาตา และกรุงเทพฯ-อาห์เมดาบัด รวมถึงเส้นทางในประเทศอย่าง กรุงเทพฯ-นครศรีธรรมราช ที่จะเปิดในเดือนธันวาคมนี้
การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของไทยเวียตเจ็ท ไม่ว่าจะเป็นรายได้ จำนวนผู้โดยสาร หรือเครือข่ายเส้นทางบินที่ครอบคลุม สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นจากผู้โดยสารและพันธมิตรทางธุรกิจ รวมถึงความพร้อมของสายการบินในการเป็นกำลังสำคัญที่จะขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยวของไทยในอนาคต


