posttoday

สภาทองคำโลก แนะลงทุนทองคำเป็นสินทรัพย์หลักถึงปี 69 รับความเสี่ยงรอบด้าน

14 กันยายน 2568

สภาทองคำโลก แนะลงทุนทองคำเป็นสินทรัพย์หลักระยะยาวถึงปี 69 รับความเสี่ยงภาษี เงินเฟ้อ ดอกเบี้ยขาลง ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ การเมืองในประเทศ-ต่างประเทศ

KEY

POINTS

  • สภาทองคำโลก แนะลงทุนทองคำเป็นสินทรัพย์หลักระยะยาวถึงปี 69 รับความเสี่ยงภาษี เงินเฟ้อ ดอกเบี้ยขาลง ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ การเมืองในประเทศ-ต่างประเทศ
  • ประเมินความต้องการทองคำของไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีแนวโน้มแข็งแกร่งต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี 2568
  • ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีโอกาสก้าวขึ้นเป็นเสาหลักอันดับสามด้านอุปสงค์ทองคำโลก รองจากจีน และอินเดีย
  • ทองคำดิจิทัลในไทยมีบทบาทสำคัญมากขึ้น สอดคล้องกับการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล ล่าสุดสภาทองคำโลก เปิดตัว Gold247 เพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุนและผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน

นายเซาไก ฟาน (Shaokai Fan) หัวหน้าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมประเทศจีน) และหัวหน้าฝ่ายธนาคารกลางระดับโลก สภาทองคำโลก (World Gold Council : WGC) เปิดเผยถึงมุมมองและทิศทางทองคำในอนาคตว่า ทองคำยังคงเป็นหลักประกันความมั่นคงทางการเงินที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล และเป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยงที่น่าเชื่อถือ ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์

คุณสมบัติอันโดดเด่นของทองคำในช่วงเวลาที่มีความไม่แน่นอน ยังคงดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนไทยรุ่นใหม่ควบคู่ไปกับนักลงทุนที่มีประสบการณ์ ในขณะที่ประเทศไทยและโลกกำลังเผชิญกับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น ทองคำยังคงมีข้อได้เปรียบสำคัญทั้งในด้านสภาพคล่องและมูลค่าที่ทนต่อวิกฤต ซึ่งช่วยปกป้องนักลงทุนจากพายุเศรษฐกิจในปัจจุบัน

ผลสำรวจธนาคารกลางประจำปีของสภาทองคำโลก แสดงให้เห็นว่า 95% ของผู้จัดการทุนสำรองเชื่อว่าทุนสำรองทองคำของธนาคารกลางทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นในอีก 12 เดือนข้างหน้า เราได้เห็นแล้วว่าธนาคารกลางทั่วโลกยังคงทยอยซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง แม้จะในอัตราที่ช้าลง โดยเพิ่มขึ้น 166 ตัน ในไตรมาส 2/2568 และถึงแม้จะชะลอตัวลง การซื้อยังคงอยู่ในระดับที่สูงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังไม่คลี่คลาย

นักลงทุนไทยจึงควรพิจารณาให้ทองคำเป็นสินทรัพย์หลักในการลงทุนเชิงกลยุทธ์ระยะยาวจนถึงปี 2569 เนื่องจากการปรับขึ้นของอัตราภาษี ภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ นโยบายการเงินของธนาคารกลางที่ยังไม่แน่นอน และความเสี่ยงทางการเมืองที่อาจเกิดขึ้นทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ

ทั้งนี้  ประเมินความต้องการทองคำมีแนวโน้มแข็งแกร่งต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี 2568 โดยมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญ 2 ประการ โดยประการแรก กระแสการลงทุนที่คึกคักตั้งแต่ช่วงครึ่งปีแรก และคาดว่าจะยังคงดำเนินต่อเนื่อง ประการที่สอง ปัจจัยพื้นฐานที่เอื้อต่อการลงทุนทองคำยังคงอยู่ ได้แก่ แนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และสถานการณ์ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงมีอยู่

“นักลงทุนไทยในปัจจุบันไม่ได้พิจารณาเฉพาะแนวโน้มการลงทุนภายในประเทศเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับสถานการณ์ทั่วโลก โดยเฉพาะความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ต่างๆ ด้วยสถานการณ์โลกที่มีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงขึ้น จึงคาดการณ์ได้ว่าการลงทุนในทองคำจะยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจและมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น” 

หลังจากในไตรมาส 2/2568 ความต้องการทองคำโดยรวมของผู้บริโภคในประเทศไทยยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยปริมาณความต้องการทองคำรวมเพิ่มขึ้นถึง 12 ตัน หรือเติบโต 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ความต้องการเครื่องประดับทองคำในไทยสอดคล้องกับทิศทางตลาดโลก โดยปริมาณลดลง 20% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เนื่องจากราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อโดยรวม 

แนวโน้มตลาดในภูมิภาคอาเซียนแสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค โดยหันมานิยมเครื่องประดับที่มีความบริสุทธิ์ต่ำลง อย่างไรก็ตาม นักลงทุนไทยแสดงความเชื่อมั่นผ่านการลงทุนในทองคำแท่งและเหรียญทองคำที่เพิ่มขึ้นถึง 10 ตัน เพิ่มขึ้น 38% เมื่อเทียบกับปีก่อน

ในกลุ่มประเทศอาเซียน ประเทศไทยรายงานการเติบโตอย่างแข็งแกร่งด้านความต้องการทองคำแท่งและเหรียญทองคำเมื่อเทียบรายไตรมาส โดยเพิ่มขึ้นถึง 35% ในทางตรงกันข้าม ประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคกลับมีความต้องการทองคำที่ลดลง ปรากฏการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า ทองคำยังคงเป็นทางเลือกการลงทุนที่ได้รับความเชื่อมั่นและความนิยมอย่างสูงในประเทศไทย

ส่วนแนวโน้มตลาดทองคำในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความแข็งแกร่ง โดยมีการพัฒนาอย่างมากในประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ เวียดนาม ลาว และอินโดนีเซีย

ตลาดทองคำของไทยที่มีความเข้มแข็งและมีการพัฒนามาอย่างยาวนาน จึงมีโอกาสในการร่วมมือกันผลักดันให้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก้าวขึ้นเป็นเสาหลักอันดับสามด้านอุปสงค์ทองคำโลก รองจากจีน เป็นอันดับหนึ่ง และอินเดีย เป็นอันดับสอง 

สภาทองคำโลก แนะลงทุนทองคำเป็นสินทรัพย์หลักถึงปี 69 รับความเสี่ยงรอบด้าน

สำหรับภาพรวมการลงทุนทองคำในตลาดโลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ การแปลงทองคำให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัลกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้กำลังปรับโฉมวิธีการเข้าถึงและบริหารจัดการการลงทุนทองคำของนักลงทุนยุคใหม่ โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เพิ่มความสะดวกในการเข้าถึง ความคุ้มค่าในการลงทุน และสภาพคล่องในการซื้อขายที่ดีขึ้น ตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนที่มองหาทางเลือกการลงทุนที่คล่องตัวและสะดวกสบาย 

จากการศึกษาพบว่าคนไทยมองทองคำเป็นสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทนในระยะยาวและเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน โดยการเติบโตอย่างต่อเนื่องของแพลตฟอร์มการออมทองคำแท่งในรูปแบบดิจิทัล อาทิ แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ได้มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นความต้องการซื้อทองคำในตลาดให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ความนิยมในโครงการออมทองและแพลตฟอร์มออนไลน์ ทำให้การลงทุนในทองคำเข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนรุ่นใหม่และนักลงทุนรายย่อย ส่งผลให้บริการทางการเงินด้านนี้แพร่หลายในวงกว้าง

อุปสงค์ทองคำที่ยังคงแข็งแกร่งประกอบกับเทคโนโลยีที่มีอยู่ ก่อให้เกิดนวัตกรรมทางการเงิน โดยกระตุ้นการเติบโตของผลิตภัณฑ์การลงทุนรูปแบบใหม่ ซึ่งรวมถึงโซลูชันที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนและแพลตฟอร์มออมทองดิจิทัล อันเป็นการผสานทองคำเข้ากับระบบเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยที่กำลังพัฒนา

การเติบโตของทองคำดิจิทัลในประเทศไทยสอดคล้องกับการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลที่น่าประทับใจของประเทศ โดยสภาทองคำโลกเชื่อว่าตลาดไทยจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผ่านการพัฒนาด้านดิจิทัลและการยกระดับมาตรฐานของทองคำ โดยมีนักลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ 

ทั้งนี้ ทองคำดิจิทัลถือเป็นช่องทางการลงทุนรูปแบบใหม่ที่น่าสนใจอย่างมาก โดยมีข้อดีที่โดดเด่น คือ ความสะดวกในการใช้งาน ผู้ลงทุนไม่จำเป็นต้องเดินทางไปร้านทองเพื่อซื้อทองคำแท่งหรือทองรูปพรรณ และไม่ต้องกังวลเรื่องการตรวจสอบคุณภาพทองด้วยตนเอง 

อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับการลงทุนประเภทอื่นๆ ผู้ลงทุนควรพิจารณาปัจจัยสำคัญต่างๆ ด้วยความรอบคอบ โดยต้องตรวจสอบว่าผลิตภัณฑ์มีทองคำจริงเป็นสินทรัพย์อ้างอิงหรือไม่ พิจารณาต้นทุนการลงทุนทั้งหมด รวมถึงค่าพรีเมียมที่อาจสูงกว่าการซื้อทองคำแบบดั้งเดิม และศึกษาเงื่อนไขการซื้อขายและการทำธุรกรรมต่าง ๆ อย่างละเอียด ไม่ต่างจากเวลาเราซื้อสินทรัพย์ประเภทอื่น

ล่าสุด สภาทองคำโลก ได้เปิดตัว Gold247 เพื่อปฏิรูปตลาดทองคำระดับโลกและตอบสนองความต้องการของนักลงทุนและผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน Gold247 ได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มความโปร่งใสและปรับปรุงการเข้าถึงตลาดทองคำ การพัฒนานี้จะเอื้อประโยชน์ต่อทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งนักลงทุน ผู้บริโภค หน่วยงานกำกับดูแล และผู้กำหนดนโยบาย

ดังนั้น โครงการ Gold247 จึงเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการวางรากฐานสู่อนาคต ที่จะผลักดันให้ทองคำก้าวขึ้นมาเป็นองค์ประกอบสำคัญในระบบเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย

Gold247 หรือโครงการครอบคลุมด้านการแปลงระบบสู่ดิจิทัลและการสร้างมาตรฐาน ประกอบด้วย 1) ระบบตรวจสอบความน่าเชื่อถือทองคำแท่ง (Gold Bar Integrity: GBI) 2) หน่วยมาตรฐานทองคำ (Standard Gold Unit) และ 3) ทองคำดิจิทัลขายส่ง (Wholesale Digital Gold)

ข่าวล่าสุด

งานเข้า! EU สอบสวน Google ข้อหาผูกขาดเนื้อหาให้กับ AI ของบริษัท