posttoday

"พิชัย" สั่งกลุ่มอุตสาหกรรมสรุปผลกระทบภาษีสหรัฐ จ่ออุ้มกลุ่มนอกบีโอไอ

07 สิงหาคม 2568

พิชัย สั่งเร่งสรุปผลกระทบภาษีสหรัฐฯ รายอุตสาหกรรม พร้อมพิจารณาแนวทางช่วยเหลือกลุ่มนอกบีโอไอ -กองทุนเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน ย้ำต้องยกระดับผลิตสู่รูปแบบใหม่รับแข่งขันระยะยาว

KEY

POINTS

  • นายพิชัย ชุณหวชิร สั่งการให้กลุ่มอุตสาหกรรมเร่งสรุปข้อมูลผลกระทบจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือที่ตรงจุด
  • รัฐบาลเตรียมพิจารณามาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการกลุ่มที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การส่งเสริมของบีโอไอ (BOI) เป็นพิเศษ
  • อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะสามารถขยายขอบเขต "กองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน" ของบีโอไอ ให้ครอบคลุมกลุ่มนอกบีโอไอได้หรือไม่
  • นายพิชัยเน้นย้ำว่าภาคอุตสาหกรรมไทยจำเป็นต้องยกระดับกระบวนการผลิตให้ทันสมัย เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในระยะยาว

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้สั่งให้กลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ เร่งสรุปข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่มีต่อภาคการผลิตของไทย หลังจากไทยถูกกำหนดอัตราภาษีไว้ที่ 19% โดยเน้นย้ำว่าผลกระทบในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมจะมีความแตกต่างกัน จึงจำเป็นต้องได้ข้อมูลอย่างละเอียด เพื่อนำไปสู่การหารือเป็นรายกลุ่มเพื่อวางแนวทางการช่วยเหลือให้ตรงจุดมากที่สุด

 

โดย พบว่า กลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ กลุ่มที่อยู่ภายใต้การส่งเสริมของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ และมี “กองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน” รองรับอยู่แล้ว กับอีกกลุ่ม คือ อุตสาหกรรมที่ไม่ได้อยู่ในข่ายการส่งเสริมจากบีโอไอ ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาหาแนวทางสนับสนุนเพิ่มเติม


ทั้งนี้ ผลกระทบของแต่ละอุตสาหกรรมมีความแตกต่างกัน อาทิ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ อาหารสำเร็จรูป หรือเครื่องใช้ไฟฟ้า ล้วนได้รับผลกระทบในมิติที่ไม่เหมือนกัน ขณะที่บางกลุ่มอาจได้รับผลกระทบไม่มาก เนื่องจากยังมีกำไรสูงอยู่

“กลุ่มที่ไม่ได้รับการส่งเสริมจากบีโอไอนั้น ตอนนี้กำลังดูรายละเอียดอยู่ว่าจะสามารถให้ความช่วยเหลือกับผู้ประกอบการทั้งหมดผ่านกลไกของบีโอไอได้หรือไม่ เนื่องจากบีโอไอก็มีกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันอยู่แล้ว ดังนั้นหากจะขยายขอบเขตกลไก โดยเพิ่มกลุ่มที่ไม่ได้รับการส่งเสริมเข้าไปจะสามารถดำเนินการได้หรือไม่ ตอนนี้ต้องขอเวลาไปคิดหน่อย และอาจจะต้องไปดูเป็นรายคน ดังนั้นผู้ประกอบการก็ต้องยื่นรายละเอียดเข้ามาว่าทำไมได้รับผลกระทบแบบนี้” 

 

นอกจากนี้ นายพิชัยยังย้ำว่าภาคอุตสาหกรรมไทยจำเป็นต้องยกระดับกระบวนการผลิตจากรูปแบบเดิม (Old Product Platform) สู่ระบบที่มีความทันสมัยมากขึ้น เพื่อรองรับการแข่งขันในระยะยาว และเสริมศักยภาพในทุกด้าน ซึ่งแนวทางสนับสนุนในส่วนนี้ อาจต้องแยกออกมาต่างหาก ขึ้นอยู่กับกลไกและทรัพยากรที่รัฐสามารถดำเนินการได้

 

สำหรับประเด็นเรื่อง เกณฑ์การคำนวณมูลค่าในประเทศ (Regional Value Content: RVC) นายพิชัยยอมรับว่ายังไม่มีรายละเอียดชัดเจนจากฝั่งสหรัฐฯ จึงยังไม่สามารถให้คำตอบได้ในขณะนี้ โดยคงต้องรอดูความชัดเจนจากทางสหรัฐฯ ว่าจะกำหนดสัดส่วน RVC นี้อย่างไร ซึ่งส่วนตัวมองว่าทางสหรัฐฯ เองก็อาจจะยังไม่ตกผลึกเรื่องนี้เหมือนกัน

 

อย่างไรก็ตาม นายพิชัย กล่าวยืนยันว่า การเจรจาภาษีนำเข้ากับสหรัฐฯ แม้ไม่มีการลงนามในแถลงการณ์ร่วม (Joint Statement) เพราะไม่ถือเป็นนโยบายทางการ แต่ในส่วนของ ข้อตกลง (Agreement) ที่จะมีผลผูกพันนั้น จำเป็นต้องเสนอต่อรัฐสภาเพื่อพิจารณา เนื่องจากเกี่ยวข้องกับเงื่อนไขเฉพาะด้านที่ต้องชี้แจงต่อฝ่ายนิติบัญญัติอย่างครบถ้วน

ข่าวล่าสุด

กกต. เห็นชอบร่างแผนเลือกตั้ง – กำหนดวันใช้สิทธิ์ 8 ก.พ. 69