posttoday

แบงก์กรุงเทพปั้น ‘เพอร์มาตา’ เป็นสะพานลงทุนไทย-อินโดฯ-อาเซียน

03 กรกฎาคม 2568

“ชาติศิริ- กอบศักดิ์” เล่า Next Move แบงก์กรุงเทพ หลังเข้าซื้อกิจการ ธนาคารเพอร์มาตา ในอินโดนีเซีย ชาติเศรษฐกิจที่มีประชากรกว่า 280 ล้านคน

KEY

POINTS

  • “ชาติศิริ-กอบศักดิ์” เล่าผลลัพธ์ 5 ปี แบงก์กรุงเทพ เข้าซื้อกิจการ ธนาคารเพอร์มาตา ในอินโดนีเซีย 
  • ชู One Family One Team ดันกำไรเพิ่ม 8,000 ล้าน ผลักดันบทบาทแบงก์ไทยสู่ Regional Champion 
  • ตั้งทีมที่ปรึกษาธุรกิจระหว่างประเทศ เป็นศูนย์การรองรับลูกค้า เชื่อมการลงทุนไทย-อินโดนีเซีย-อาเซียน

 

หากย้อนกลับไปในปี 2563 ธนาคารกรุงเทพ ได้สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ ด้วยการเข้าซื้อกิจการธนาคาร พีที เพอร์มาตา ทีบีเค (Permata Bank) ในอินโดนีเซีย ถือหุ้นในสัดส่วน 89.12% คิดเป็นเงิน 73,722 ล้านบาท เพื่อผสานจุดแข็ง เสริมศักยภาพการให้บริการ ซึ่งถือเป็นการเข้าซื้อกิจการธนาคารภายในอาเซียนที่มีมูลค่าสูงที่สุดในขณะนั้น

 

ดีลครั้งนั้นกลายเป็นหมุดหมายสำคัญที่ขยายบทบาทของแบงก์กรุงเทพ สู่การเป็นผู้ให้บริการทางการเงินระดับภูมิภาค

 

จนถึงวันนี้ ผ่านมากว่า 5 ปี ความร่วมมือของทั้งสองสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างมากมาย ทำให้ปัจจุบันธนาคารเพอร์มาตาเติบโตจากอันดับ 12 ขึ้นมาอยู่ในกลุ่ม 10 ธนาคารชั้นนำของประเทศ ด้วยเครือข่ายสาขากว่ามากกว่าสองร้อยแห่ง ให้บริการลูกค้าทั้งในภาคธุรกิจขนาดใหญ่ SME และ ต่างชาติที่ต้องการขยายการลงทุนในอินโดนีเซีย

 

แบงก์กรุงเทพปั้น ‘เพอร์มาตา’ เป็นสะพานลงทุนไทย-อินโดฯ-อาเซียน

 

อินโดนีเซีย ชาติเศรษฐกิจ เอื้อต่อการโตระยะยาว 

 

ชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงในฐานะประเทศขนาดใหญ่ที่สุดในอาเซียน ด้วยจำนวนประชากรกว่า 280 ล้านคน โครงสร้างการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ และพัฒนาการทางเศรษฐกิจที่ก้าวหน้า ทำให้อินโดนีเซียเปรียบเสมือน “ดินดี น้ำดี” ที่เอื้อต่อการเติบโตในระยะยาว

 

โดยปัจจุบันประเทศไทยเป็นตลาดส่งออกอันดับ 4 ของอินโดนีเซีย ขณะเดียวกันบริษัทไทยจำนวนมากก็ให้ความสนใจในการลงทุน และขยายธุรกิจในอินโดนีเซียมากขึ้น ซึ่งอินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม ขณะที่ธนาคารกรุงเทพ มีความพร้อมให้การสนับสนุนผู้ประกอบการไทยในการเข้าไปลงทุนในอินโดนีเซีย

 

ทั้งนี้อินโดนีเซียและไทย เป็นสองประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในภูมิภาค ธุรกิจไทยกำลังมองหาการเติบโตนอกประเทศ ในขณะที่อินโดนีเซียกำลังมอบโอกาสการลงทุนที่หลากหลาย หากร่วมมือกันจะสามารถพัฒนาโอกาสทางธุรกิจที่มั่นคงยั่งยืน ซึ่งจะเป็นปรเะโยชน์ต่อทั้ง 2 ประเทศ และสามารถต้านทานกระแสความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้
 

ประกอบกับปัจจุบันอาเซียนกำลังมุ่งหน้าสู่การเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก ภายในปี 2573 ซึ่งไทยมีความแข็งแกร่งขึ้นจากความใกล้ชิดกับมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของเอเชียอย่างจีน และอินเดีย โดยมีตลาดผู้บริโภคขนาดใหญ่ และในขณะที่ภูมิภาคของอาเซียนน่าดึงดูดขึ้นสำหรับนักลงทุนทั่วโลก ซึ่งไทยจำเป็นต้องคว้าโอกาสนี้ในการใช้จุดแข็งร่วมกันให้เกิดประโยชน์

 

แบงก์กรุงเทพ -เพอร์มาตา “One Family One Team” 

 

ทั้งนี้ ธนาคารกรุงเทพ เป็นธนาคารต่างชาติแห่งแรกของอาเซียนที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจธนาคารในอินโดนีเซีย ตั้งแต่ปี 2511 หรือราวๆ 57 ปีก่อน โดย ชิน โสภณพาณิช ผู้ก่อตั้งธนาคารกรุงเทพ (คุณปู่ของชาติศิริ)

 

ส่วนธนาคารเพอร์มาตาเริ่มต้นธุรกิจที่บาหลีในชื่อ “ธนาคารบาหลี” ก่อนจะถูกควบรวม 5 ธนาคารเข้าด้วยกันเมื่อเกิดวิกฤตการเงินในปี 2540 และเปลี่ยนเป็นชื่อ “เพอร์มาตา” ซึ่งมีความหมายว่าอัญมณี (Gem) 

 

ในปี 2567 ธนาคารเพอร์มาตาได้ปรับเปลี่ยนรีแบรนด์ มาใช้ตราสัญลักษณ์บัวหลวงของธนาคารกรุงเทพแทนของเดิม ภายใต้แนวคิด “One Family One Team” โดยหลังที่ซื้อกิจการแล้วธนาคารกรุงเทพเลือกที่จะใช้ชื่อเพอร์มาตาแบบเดิมเพราะเป็นชื่อที่รู้จักกันดีอยู่แล้วในอินโดนีเซีย

 

โดยตั้งแต่การเข้าซื้อกิจการในปี 2563 สัดส่วนสินเชื่อในต่างประเทศต่อสินเชื่อรวมของธนาคารกรุงเทพเพิ่มขึ้นจาก 17% เป็น 25% (ข้อมูล ณ ธันวาคม 2567) ส่งผลให้ปัจจุบันธนาคารเพอร์มาตาเป็น 1 ใน 10 ของธนาคารที่มีสินทรัพย์รวมใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย มีเครือข่ายสาขาให้บริการ 240 สาขา กระจายอยู่ใน 82 เมืองสำคัญทั่วประเทศ เพื่อรองรับการให้บริการลูกค้ากว่า 6.2 ล้านราย (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568) 

 

แบงก์กรุงเทพปั้น ‘เพอร์มาตา’ เป็นสะพานลงทุนไทย-อินโดฯ-อาเซียน

 

ตั้งหน่วยงานที่ปรึกษาธุรกิจระหว่างประเทศ

 

ชาติศิริ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้จากการเข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่ม BRICS อย่างเต็มรูปแบบของอินโดนีเซียในปีนี้ ทำให้อินโดนีเซียเป็นประเทศที่น่าสนใจสำหรับนักธุรกิจที่ต้องการลดความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์และความผันผวนของเศรษฐกิจโลก 


ธนาคารกรุงเทพ จึงได้สนับสนุนธนาคารเพอร์มาตา จัดตั้งหน่วยงานบริการที่ชื่อว่า ฝ่ายพัฒนาและที่ปรึกษาธุรกิจระหว่างประเทศ (International Business Development and Advisory Directorate) เพื่อเป็นศูนย์การรองรับทั้งลูกค้าในเครือข่ายของธนาคารกรุงเทพ ในกลุ่มอาเซียน จีน ฮ่องกง ไต้หวัน ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ที่ต้องการเข้ามาลงทุนในอินโดนีเซีย และลูกค้าในอินโดนีเซียที่ต้องการไปลงทุนประเทศอื่นในภูมิภาค

 

โดยช่วยเสริมสร้างศักยภาพในการพัฒนาธุรกิจระหว่างประเทศ จัดหาเงินทุนสำหรับโครงการและพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงิน
 

“หน่วยงานบริการนี้เป็นการประสานจุดแข็งด้านเครือข่ายของธนาคารกรุงเทพในระดับภูมิภาคเข้ากับความเชี่ยวชาญในตลาดท้องถิ่นของธนาคารเพอร์มาตา เพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์การเชื่อมโยงอาเซียน (Connecting ASEAN) ของธนาคารกรุงเทพ ที่เป็นเหมือน ‘เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน’ ทางการเงินที่นักลงทุนให้ความไว้วางใจ

 

ทั้งการลงทุนในกลุ่มโครงการโครงสร้างพื้นฐานและอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ รวมทั้งผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่สอดคล้องกับหลัก ESG ตามการผลักดันของรัฐบาลอินโดนีเซีย ซึ่งธนาคารกรุงเทพในฐานะผู้นำด้านการเงินสีเขียวพร้อมที่จะสนับสนุนทุกการเปลี่ยนผ่านอย่างยั่งยืน" นายชาติศิริ กล่าว 
 

 

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากธนาคารกรุงเทพระบุว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 การลงทุนของไทยในอินโดนีเซียมีมูลค่าสูงถึง 225 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และในช่วงปี 2560-2565 นักลงทุนไทยมีการลงทุนรวม 1.52 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในกว่า 1,400 โครงการทั่วประเทศอินโดนีเซีย

 

โดยอินโดนีเซียนับเป็นคู่ค้าที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ของไทย ซึ่งในปีที่ผ่านมาไทยส่งออกสินค้าไปยังอินโดนีเซียมูลค่า 10.25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ไทยเป็นจุดหมายส่งออกใหญ่อันดับ 4 ของอินโดนีเซีย โดยมีมูลค่าส่งออกถึง 7.22 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

 

แบงก์กรุงเทพปั้น ‘เพอร์มาตา’ เป็นสะพานลงทุนไทย-อินโดฯ-อาเซียน

บทบาทธนาคารภูมิภาคเชื่อมลงทุนอาเซียน


ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่และเลขานุการบริษัท ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า เราศึกษาอินโดนีเซียมานาน เพราะอาเซียนกำลังจะเปลี่ยนโฉม แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ในอีก 5 ปีข้างหน้า อาเซียนจะกลายเป็นเศรษฐกิจอันดับ 4 ของโลก ซึ่งแน่นอนว่าทั้งโลกจะต้องจับตามอง

 

หากมองโครงสร้างของอาเซียน จะเห็นว่ามีทั้งกลุ่มประเทศทางตอนบนอย่าง CLMVT ที่ไทยคุ้นเคยและมีบทบาทสำคัญอยู่แล้ว กับกลุ่มประเทศตอนล่างซึ่งอินโดนีเซียถือเป็นหัวใจหลัก

 

“ประเทศไทยเราแข็งแรงในกลุ่มบนอยู่แล้ว แต่คำถามคือ เราจะขยายบทบาทไปสู่ครึ่งล่างของอาเซียนได้อย่างไร? อินโดนีเซียคือจิ๊กซอว์สำคัญ”

 

ก่อนที่ธนาคารกรุงเทพจะตัดสินใจซื้อกิจการเพอร์มาตา ผู้เล่นระดับโลกอย่าง Standard Chartered เคยเข้าซื้อไปก่อนหน้านี้ และก็มีธนาคารอีกหลายแห่งที่สนใจตลาดนี้เช่นกัน นั่นจึงสะท้อนถึงศักยภาพของอินโดนีเซียอย่างชัดเจน

 

แม้จะมีหลายธนาคารต่างชาติพยายามบุกตลาดอินโดนีเซียก่อนหน้า แต่ไม่ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง ไม่สามารถเจาะตลาดได้ลึก ซึ่ง ดร.กอบศักดิ์ เชื่อว่าจุดต่างที่สำคัญของธนาคารกรุงเทพคือ "ความสัมพันธ์" ที่สั่งสมมายาวนานกับกลุ่มนักธุรกิจชั้นนำของประเทศ

 

ในช่วงที่หลายธนาคารประสบภาวะสินเชื่อชะลอตัว แต่แบงก์กรุงเทพยังเติบโตได้ดีในตลาดอินโดนีเซีย ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจาก “สายสัมพันธ์ที่ลึกและยาวนาน” รวมถึงฐานเดิมของธนาคารที่มีอยู่ในเมืองสำคัญอย่าง เมดาน เมืองใหญ่อันดับ 4 ของสุมาตรา และสุราบายา เมืองสำคัญของชวา ซึ่งเป็นฐานการค้าขนาดใหญ่และมีคนเชื้อสายจีนจำนวนมาก

 

แบงก์กรุงเทพ ยึด 2 ขา ไม่พึ่งพาแค่ในไทย

 

“ในอนาคตเพอร์มาตาจะใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ แบงก์กรุงเทพก็จะยืนด้วย 2 ขา ไม่ได้พึ่งพาแค่ประเทศไทย วันไหนที่ไทยโตไม่ได้ เราก็ยังโตที่อื่นได้” ดร.กอบศักดิ์ กล่าวพร้อมกับย้ำว่า การมีเครือข่ายสาขาในต่างประเทศ ช่วยเสริมความแข็งแรงของโครงสร้างธุรกิจระหว่างประเทศ แม้ในประเทศไทยจะไม่เติบโต

 

“เรากำลังวางรากฐานให้เป็นธนาคารระดับภูมิภาคอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่แบงก์ไทยที่มีสาขาต่างประเทศ แต่คือ Regional Champion ที่สามารถเชื่อมผู้คน ธุรกิจ และโอกาสในอาเซียนเข้าด้วยกันได้ทั้งหมด โดยในปี 2567 ที่ผ่านมาเพอร์มาตาสร้างผลกำไรให้ธนาคารกรุงเทพประมาณ 8,000 ล้านบาท และเชื่อว่าใน 3-5 ปี อาจแตะที่ระดับ 10,000 ล้านบาท"

 

ดังนั้นเป้าหมายต่อไป ธนาคารยังเดินหน้าผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยเข้าไปลงทุนในอินโดนีเซีย และในอนาคต ตั้งใจจะทำในทางกลับกันด้วย คือช่วยพานักธุรกิจอินโดนีเซียออกสู่ตลาดภูมิภาค

 

“วันนี้อินโดฯ เขายังรู้สึกว่า ‘หญ้าข้างบ้านยังเขียวไม่เท่าบ้านตัวเอง’ เขาเลยไม่อยากออก แต่ถ้าอีก 5-10 ปีเศรษฐกิจเริ่มชะลอแล้วค่อยออกไปข้างนอก มันก็จะยาก เพราะข้างนอกเต็มไปด้วยคู่แข่งจากทั่วโลก”

 

แบงก์กรุงเทพปั้น ‘เพอร์มาตา’ เป็นสะพานลงทุนไทย-อินโดฯ-อาเซียน

 

นโยบาย Golden Indonesia

 

เมลิสา รุสลิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพอร์มาตา กล่าวว่า อินโดนีเซียมีศักยภาพสูงพร้อมทรัพยากรและแรงงาน โดยรัฐบาลกำลังขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ “Golden Indonesia” ที่เน้นเศรษฐกิจสีเขียว การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ และเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อก้าวสู่เศรษฐกิจอันดับ 4 ของโลกในปี 2588

 

ธนาคารเพอร์มาตา เล็งเห็นโอกาสสำคัญนี้ จึงสนับสนุนลูกค้าและพันธมิตรในภูมิภาคด้วยบริการทางการเงินครบวงจร ทั้งกลุ่มบุคคลและธุรกิจ รวมถึงระบบการเงินอิสลาม (Sharia)

 

นางเมลิสากล่าวเพิ่มเติมว่า นโยบายรัฐบาลสอดคล้องกับการดำเนินงานของธนาคารภายใต้การสนับสนุนของธนาคารกรุงเทพฯ โดยธนาคารมีบริการ Asia Same Day Payment ที่ช่วยให้ลูกค้าโอนเงินระหว่างไทย–อินโดนีเซียได้แบบเรียลไทม์ผ่านคิวอาร์โค้ด พร้อมเร่งส่งเสริมลูกค้าเข้าสู่ธุรกิจสีเขียวด้วยสินเชื่อและคำปรึกษาอย่างใกล้ชิด เพื่อพัฒนาบริการที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการอย่างครบถ้วน

 

ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2567 ธนาคารเพอร์มาตาเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ด้วยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 38% เมื่อเทียบกับปี 2566 และธนาคารเพอร์มาตามีสัดส่วนสินเชื่อประมาณ 12% ของพอร์ตสินเชื่อทั้งหมดของธนาคารกรุงเทพ 


 

อย่างไรก็ตามสำหรับธนาคารกรุงเทพมีความแข็งแกร่งจากการขยายธุรกิจ 13 ประเทศ 15 สาขาทั่วโลก นอกจากในภูมิภาคอาเซียน เช่น ที่จีน มาเลเซีย และยังมีสาขาที่ ลอนดอน ประเทศอังกฤษ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
 

ข่าวล่าสุด

โปรแกรมบอลวันนี้ ดูบอลสด ถ่ายทอดสด บอลวันนี้ วันเสาร์ที่ 20 ธ.ค. 68