posttoday

ธ.ก.ส.รอคลังเคาะเกณฑ์ "แฮร์คัต" หนี้เกษตรกรสูงวัย วงเงิน 5 พันล.

12 มิถุนายน 2568

ธ.ก.ส. เผยรอคลังกำหนดหลักเกณฑ์-นิยามหนี้เรื้อรัง ก่อนชง ครม. พิจารณาแฮร์คัต กลุ่มลูกหนี้เกษตรกรอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป วงเงิน 4-5 พันล้านบาท

นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธ.ก.ส. เปิดเผยถึง ความคืบหน้าการปรับโครงสร้างหนี้โดยการขอส่วนลดจากเจ้าหนี้แล้วจ่ายทั้งหมดเพื่อปิดบัญชีทันที หรือ แฮร์คัต ว่า ขณะนี้  ธนาคารกำลังเตรียมมาตรการแฮร์คัต ให้กับกลุ่มเกษตรกรอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป โดยอยู่ระหว่างประสานกับกระทรวงการคลัง เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และกระบวนการที่ชัดเจน ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณา

 

ปัจจุบัน ธ.ก.ส. มีลูกหนี้อายุ 70 ปีขึ้นไป ที่ทุกบัญชีเป็นหนี้เสีย (NPL) ประมาณหลักหมื่นบัญชี คิดเป็นมูลหนี้ราว 4,000-5,000 ล้านบาท ซึ่งต้องรอความชัดเจนจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในการกำหนดนิยาม 'หนี้เรื้อรัง' และเกณฑ์การเข้าร่วมมาตรการ 

เรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อน เนื่องจากลูกหนี้ของ ธ.ก.ส. หลายรายมีหลายบัญชี ทั้งแบบมีหลักประกัน ค้ำประกันกลุ่ม หรือค้ำประกันบุคคล บางรายมีถึง 10 บัญชี จึงต้องแยกแยะว่าบัญชีใดเป็นหนี้ดีหรือหนี้เสีย ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปแน่ชัดว่านโยบายแฮร์คัตจะครอบคลุมลูกหนี้อายุเท่าใด โดยธ.ก.ส. ได้เตรียมข้อมูลลูกหนี้อายุ 70 ปีขึ้นไปที่เป็นหนี้เรื้อรังไว้แล้ว โดยหลักการคือ รัฐจะต้องเสียหายน้อยที่สุด จากการพิจารณาตามมูลค่าหลักประกัน ส่วนกรณีหนี้ที่มีหลักประกัน ต้องดูว่าธนาคารจะจัดการอย่างไร และหากมีความเสียหายเกิดขึ้นคลังในฐานะต้นสังกัดจะพิจารณาอย่างไร

สำหรับภาพรวมการดำเนินงานของ ธ.ก.ส. ปัจจุบัน มียอดสินเชื่อคงค้าง 1.67 ล้านล้านบาท โดยในปีบัญชี 2568 (เม.ย.68-มี.ค.69) ธนาคารมีเป้าหมายปล่อยสินเชื่อใหม่ 3-5 หมื่นล้านบาท ขณะที่ NPL ปัจจุบันอยู่ที่ 5.31% โดยคาดว่าในสิ้นปีบัญชี 2568 NPL จะอยู่ที่ประมาณ 5.5% ซึ่งสามารถรองรับได้ในงบดุลของธนาคาร

ส่วนปัจจัย ความท้าทายของธ.ก.ส.คือ ความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้า เนื่องจากเกษตรกรมีอายุเพิ่มขึ้น ขณะที่ลูกหลานไม่สืบทอดอาชีพ อีกทั้งยังใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบเก่า ทำให้ไม่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ธนาคารจึงเร่งส่งเสริมการพัฒนาเกษตรกรเป็น Smart Farmer และ Young Smart Farmer เพื่อยกระดับกระบวนการผลิต ตัวอย่างเช่น การเพาะปลูกระยะสั้น 4 เดือน สามารถสร้างรายได้ถึง 80,000 บาท ซึ่งเทียบเท่ารายได้ของคนจบปริญญาตรีในเมือง

 

ด้านอัตราดอกเบี้ย นายฉัตรชัยระบุว่า ที่ผ่านมา ธ.ก.ส. ได้ปรับลดลงแล้วในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะลูกหนี้ที่กู้ต่ำกว่า 300,000 บาท ซึ่งผลกระทบจากการลดดอกเบี้ยมีเพียงเล็กน้อย และส่วนใหญ่ได้เข้าสู่มาตรการพักหนี้ไปเกือบหมดแล้ว ดังนั้น การลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมจะเห็นผลต่อลูกค้าอย่างแท้จริง ก็ต่อเมื่อเป็นการลดในระดับที่มากจริง ๆ เท่านั้น

ข่าวล่าสุด

ผลบอล โยเคเรสซัดโทษ! อาร์เซน่อล1-0 เอฟเวอร์ตัน,ลิเวอร์พูล 2-1