posttoday

Rolex มือสองเดือด! นักสะสมแห่ซื้อก่อนภาษีทรัมป์ขึ้นอีกระลอก

30 พฤษภาคม 2568

ตลาดนาฬิกาหรูมือสองคึกคักเป็นประวัติการณ์ ยอดขาย Rolex - Patek พุ่งกว่า 160% หลังนักสะสมแห่ซื้อเก็งกำไรก่อนภาษีทรัมป์ขึ้นอีกระลอก

 

เป็นที่รู้กันดีว่า "นาฬิกาหรู" ไม่ใช่แค่เครื่องบอกเวลา แต่เป็นทั้งสินทรัพย์และของสะสมที่มูลค่าไม่เคยตก และเมื่อมีปัจจัยภายนอกเข้ามากระทบ ก็ย่อมสร้างแรงกระเพื่อมในตลาดได้เสมอ

 

ล่าสุด  สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า เมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ตลาดนาฬิกามือสองกลับมาคึกคักเป็นพิเศษ โดยเฉพาะนาฬิกาแบรนด์ดังอย่าง Rolex และ Patek Philippe 

 

เหตุผลสำคัญคือ บรรดานักสะสมและนักลงทุนต่างพากันเร่งซื้อ ก่อนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติม ซึ่งอาจส่งผลให้ราคานาฬิกาเหล่านี้พุ่งสูงขึ้น


 

แพลตฟอร์มซื้อขายนาฬิกาหรูมือสองอย่าง Subdial เผยตัวเลขที่น่าสนใจว่า โดยปกติแล้วช่วงปลายเดือน ซึ่งเป็นวันเงินเดือนออก มักจะมียอดขายคึกคักเป็นพิเศษอยู่แล้ว

 

 แต่ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ยอดขายกลับพุ่งสูงถึง 160% เมื่อเทียบกับช่วงปกติ ซึ่งถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ย 112% ที่เคยเกิดขึ้นในวันเงินเดือนออกอื่นๆ ตลอดปีที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัด

 

คุณ Christy Davis ผู้ก่อตั้ง Subdial อธิบายว่า ปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นนี้ เกิดขึ้นในตลาดสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรเป็นหลัก

 

 "ผู้คนพอได้ยินข่าวเรื่องภาษี ก็คิดว่า แย่แล้ว ต้องรีบซื้อตอนนี้แหละ" คุณ Davis เล่า

 

"พวกเขาเฝ้ารอวันเงินเดือนออก แล้วยอดขายก็พุ่งกระฉูดทำสถิติใหม่เลยทีเดียว"

 

Rolex มือสองเดือด! นักสะสมแห่ซื้อก่อนภาษีทรัมป์ขึ้นอีกระลอก

สวิตเซอร์แลนด์เร่งส่งออก

 

ปรากฏการณ์ "เร่งซื้อ" นี้ ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในตลาดนาฬิกามือสองเท่านั้น แต่ยังส่งผลไปถึงอุตสาหกรรมนาฬิกาของสวิตเซอร์แลนด์โดยตรงอีกด้วย

 

เพราะยอดส่งออกนาฬิกาสวิสในเดือนเมษายนพุ่งขึ้นเกือบ 20% โดยเฉพาะการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว ก่อนที่มาตรการภาษีของทรัมป์จะขยายวงกว้างไปอีกขั้น

 

รายงานจากสหพันธ์อุตสาหกรรมนาฬิกาสวิสระบุว่า นาฬิกาที่ทำจากโลหะมีค่า เหล็กกล้า และวัสดุผสม ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่อาจได้รับผลกระทบจากภาษี มีอัตราการเติบโตของยอดส่งออกสูงสุด

 

อย่างไรก็ตาม คุณ Jean-Philippe Bertschy นักวิเคราะห์จาก Vontobel มองว่า การพุ่งขึ้นของยอดส่งออกไปยังสหรัฐฯ นี้ น่าจะเป็นเพียงการเร่งส่งออกของผู้ผลิตเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีที่กำลังจะมาถึง มากกว่าจะเป็นการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์อย่างยั่งยืน 

 

เพราะในทางกลับกัน ยอดส่งออกนาฬิกาสวิสไปยังประเทศอื่นๆ ทั่วโลกกลับลดลง 6.4% ในเดือนเดียวกัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงภาพรวมของตลาดที่ยังคงชะลอตัวตั้งแต่ต้นปี

 

ตลาดนาฬิกามือสองกำลังฟื้นตัว

 

แม้จะมีปัจจัยเรื่องภาษีเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่โดยรวมแล้วตลาดนาฬิกาหรูมือสองก็กำลังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่เคยเจอจุดต่ำสุดในช่วงหลังสถานการณ์โรคระบาดในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

 

ดัชนี Bloomberg Subdial Watch Index ซึ่งเป็นดัชนีที่ใช้วัดราคาเฉลี่ยของนาฬิกาหรูมือสอง ได้เพิ่มขึ้นประมาณ 5.3% จนถึงปลายเดือนพฤษภาคม ทำให้ราคากลับมาสู่ระดับที่เคยเห็นครั้งล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว

 

อย่างไรก็ตาม ดัชนีนี้ยังคงห่างไกลจากจุดสูงสุดที่เคยทำไว้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่ราคาของนาฬิกาหรูมือสองพุ่งสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด

 

หลังจากมาตรการล็อกดาวน์จากโควิด-19 สิ้นสุดลง ผู้คนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตปกติ และมีความต้องการสะสมนาฬิกาหรูเพิ่มขึ้นอย่างมาก

 

จากนี้ไปต้องจับตาดูว่า มาตรการภาษีของทรัมป์จะส่งผลกระทบต่อตลาดนาฬิกาหรูอย่างไร และตลาดนาฬิกามือสองจะยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องได้หรือไม่ในระยะยาว
 

ข่าวล่าสุด

"ธรรมนัส” เผย 25 ธ.ค.นี้ กล้าธรรมเปิดตัวสส.ทั้งเขต-ปาร์ตี้ลิสต์