posttoday

"ศุภจี" ยันปมขัดแย้งทายาทไม่กระทบแผนธุรกิจดุสิตธานี

17 พฤษภาคม 2568

‘ศุภจี’ ซีอีโอ ดุสิตธานี ยันธุรกิจเดินหน้าตามแผน ปมขัดแย้งผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่กระทบโครงสร้างบริหาร ย้ำไม่มีการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการหรือฝ่ายบริหาร

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม (Group CEO) บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT ออกมาชี้แจงกรณีความขัดแย้งระหว่างกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ ยืนยันว่าเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างผู้ถือหุ้นหลักบางท่าน ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับการบริหารงานหรือผลการดำเนินงานของบริษัท พร้อมกับยืนยันว่าบริษัทยังคงเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์ที่วางไว้ต่อไป
 

ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ซีอีโอ ดุสิตธานี

ชี้แจงปมขัดแย้งผู้ถือหุ้น
นางศุภจี ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างผู้ถือหุ้น โดยยืนยันว่าตนเองคือผู้บริหารสูงสุดของบริษัท ทำหน้าที่ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม และทำงานเพื่อประโยชน์ของทุกฝ่าย ไม่ได้ทำงานให้กับทายาทหรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง 

"ผู้ที่อยู่ในข่าวทั้งสองฝ่ายต่างก็เป็นกรรมการบริษัท และตนในฐานะซีอีโอต้องรับนโยบายมาจากคณะกรรมการบริษัท ซึ่งประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิหลายท่าน การบริหารงานเป็นหน้าที่ของซีอีโอ ซึ่งทำงานสนองนโยบายที่ผ่านการดูแลจัดสรรจากคณะกรรมการแล้ว" นางศุภจีกล่าว

สำหรับประเด็นเรื่องทายาทที่เข้ามาเกี่ยวข้อง นางศุภจีชี้แจงว่า ในความเป็นจริงแล้วทายาทจากทั้งสองฝ่ายที่ปรากฏเป็นข่าวต่างก็เข้ามาทำงานในบริษัทดุสิตธานี บางส่วนอยู่ในระดับกรรมการบริหาร และมีบทบาทสำคัญในฝ่ายการเงิน โดยโครงสร้างการบริหารของบริษัทเป็นไปตามหลักบรรษัทภิบาล มีการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจอยู่แล้ว
 

แก้ปัญหางบฯ จนไม่ต้องติด SP

ล่าสุด ผู้บริหารระดับสูงของ DUSIT เปิดเผยว่า บริษัทสามารถคลี่คลายปัญหาการนำส่งงบการเงินไตรมาส 1 ปี 2567 ซึ่งอาจนำไปสู่การถูกขึ้นเครื่องหมาย SP (Suspension) ได้แล้ว หลังจากการพูดคุยอย่างใกล้ชิดกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดย ตลท. ได้แสดงความเข้าใจถึงสถานการณ์และยินยอมรับงบการเงินไตรมาส 1 พร้อมใส่ข้อสงวนสิทธิ์ (disclaimer) ว่างบดังกล่าวยังไม่ได้รับการอนุมัติการแต่งตั้งผู้สอบบัญชีอย่างเป็นทางการจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น

ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทได้อาศัยอำนาจในการแต่งตั้งผู้สอบบัญชีเป็นการชั่วคราวสำหรับงบไตรมาส 1 โดยเฉพาะ โดยที่งบการเงินดังกล่าวได้ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการตรวจสอบและคณะกรรมการบริษัทครบถ้วนแล้ว

\"ศุภจี\" ยันปมขัดแย้งทายาทไม่กระทบแผนธุรกิจดุสิตธานี
ผลประกอบการล่าสุด


นางศุภจี เปิดเผยถึงผลประกอบการล่าสุดว่า บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 237 ล้านบาท ซึ่งลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยสาเหตุหลักของผลขาดทุนมาจากภาระดอกเบี้ยที่สูงถึง 578 ล้านบาท ประกอบด้วยดอกเบี้ยเงินกู้ยืม 281 ล้านบาท และดอกเบี้ยจากการบันทึกสัญญาเช่าตามมาตรฐานบัญชี TFRS 16 จำนวน 297 ล้านบาท

"หากพิจารณาไม่รวมดอกเบี้ยเงินกู้ยืมจำนวน 281 ล้านบาท บริษัทก็จะไม่ประสบภาวะขาดทุน โดยภาระดอกเบี้ยที่สูงนี้เป็นผลมาจากการที่บริษัทไม่มีการเพิ่มทุนจดทะเบียนที่ 850 ล้านบาทมาตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งเป็นวันแรกที่ตนเข้ามาบริหาร จนถึงปัจจุบัน แม้จะมีการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยทำมาอย่างโครงการ Dusit Central Park มูลค่า 46,700 ล้านบาท รวมถึงต้องเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 เป็นเวลา 3 ปีติดต่อกัน" นางศุภจีกล่าว

ความคืบหน้าโครงการ Dusit Central Park
นางศุภจี มีความมั่นใจว่าบริษัทจะสามารถพลิกผลประกอบการให้ดีขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ จากโครงการ Dusit Central Park ที่กำลังจะแล้วเสร็จ โดยเฉพาะส่วนของ Dusit Residences ที่มียอดขายแล้ว 88% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 15,500 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มทยอยโอนกรรมสิทธิ์ภายในสิ้นปีนี้ และส่วนที่เหลือจะดำเนินการโอนในปีหน้าเมื่อโครงการเสร็จสมบูรณ์

โครงการ Dusit Central Park ประกอบด้วย 5 ส่วนหลัก:

1. โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ: เปิดให้บริการเต็มรูปแบบแล้ว
2. ดุสิต เรสซิเดนเซส: คาดว่าจะเริ่มทยอยโอนได้ภายในปลายปีนี้ 
3. อาคารสำนักงาน เซ็นทรัล พาร์ค ออฟฟิศ: คาดว่าจะพร้อมเข้าใช้งานได้ในไตรมาส 3 ปีนี้ 
4. พื้นที่ค้าปลีก เซ็นทรัล พาร์ค: กำหนดเปิดให้บริการวันที่ 15 สิงหาคมนี้ 
5. สวนลอยฟ้า: คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงวันที่ 21-27 มิถุนายนนี้ 

\"ศุภจี\" ยันปมขัดแย้งทายาทไม่กระทบแผนธุรกิจดุสิตธานี

กลยุทธ์การเติบโตในอนาคต
นางศุภจีได้กล่าวถึงเส้นทางการทำงานในฐานะซีอีโอของดุสิตธานีมาเป็นเวลา 9 ปี โดยเมื่อเริ่มเข้ามารับตำแหน่งได้วางแผนระยะ 9 ปี แบ่งเป็น 3 ช่วง โดยมีเป้าหมายหลักคือการสร้างพื้นฐานองค์กรให้แข็งแกร่ง (3 ปีแรก), การขยายและสร้างความหลากหลายทางธุรกิจ (3 ปีถัดมา), และการสร้างบทบาทใหม่ให้กับดุสิตธานี (3 ปีสุดท้าย)

สำหรับแผนธุรกิจในระยะ 5 ปีข้างหน้า ดุสิตธานีจะเน้นการเติบโตที่มั่นคงของแต่ละกลุ่มธุรกิจ โดยยังคงใช้กลยุทธ์ Asset-light สำหรับการขยายธุรกิจในต่างประเทศ มุ่งเน้นการรับจ้างบริหารโรงแรมมากกว่าการลงทุนเอง และให้ความสำคัญกับการต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่มจากทรัพย์สินที่ลงทุนไปแล้ว

แม้บริษัทจะเผชิญกับความท้าทายทั้งจากปัจจัยภายนอกและความขัดแย้งภายใน แต่นางศุภจีในฐานะผู้บริหารยังคงยืนยันว่าจะมุ่งมั่นนำพาองค์กรเดินหน้าตามแผนธุรกิจที่วางไว้ และสร้างความภาคภูมิใจในแบรนด์ดุสิตธานีต่อไป

ทั้งนี้ การประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีที่จะมีขึ้นในวันที่ 28 พฤษภาคมนี้ จะเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญที่ต้องจับตามอง โดยเฉพาะวาระการอนุมัติแต่งตั้งผู้สอบบัญชี ซึ่งนางศุภจีหวังว่าผู้ถือหุ้นจะเข้าใจสถานการณ์และลงมติอนุมัติ เพื่อให้กระบวนการต่างๆ เป็นไปอย่างถูกต้องสมบูรณ์
 

ข่าวล่าสุด

เผ่าภูมิ รับเศรษฐกิจครึ่งปีหลังแผ่ว จี้ลดดอกเบี้ย-ดูแลบาท อุ้มศก.ครึ่งปีหลัง