posttoday

แบงก์ชาติเตือนรัฐ 5 ข้อระวัง ออก G-Token ต้องไม่ขัดข้อกฎหมาย

16 พฤษภาคม 2568

“เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ”ผู้ว่าแบงก์ชาติ ออกโรงเตือนรัฐบาล 5 ข้อระวัง ออก G-Token แนะทำแบบทดสอบก่อนนำเทคโนโลยีใหม่ใช้กับระบบ หวั่นกระทบความปลอดภัยทางการเงิน

หลังจากที่ เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม  2568 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลังเรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการออกโทเคนดิจิทัล นับเป็นการเปิดทางให้กระทรวงการคลังสามารถออก และเสนอขาย ‘โทเคนดิจิทัลของรัฐบาล’ (Government Token: G-Token) และระบุว่าเป็นประเทศแรกของโลก

ทั้งนี้ G-Token รอบแรกรัฐบาลจะออกในวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นการระดมเงินภายใต้กรอบการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2568 ตามกรอบปกติ

ต่อเรื่องดังกล่าว ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีหนังสือเลขที่ ธปท.ล. 336 /2568 ลงวันที่ 3 เม.ย.2568 เรื่องความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทยต่อการขออนุมัติวิธีการกู้เงินตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ ลงนามโดย นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธปท. ถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เพื่อประกอบการพิจารณาเรื่องการออก G-Token ของ ครม.

เนื้อหาระบุว่า ตามที่ สลค. มีหนังสือ ลับ ด่วนที่สุด ที่ นร 0503/ว(ล) 6346ลงวันที่ 11 มี.ค.2568 แจ้งว่า กระทรวงการคลังได้เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติวิธีการกู้เงินตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ โดยเป็นการระดมทุนในรูปแบบการออกโทเคนดิจิทัล (Government Token: G-Token) เพื่อพัฒนากลไกการบริหารหนี้สาธารณะให้ภาครัฐสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่หลากหลายมากขึ้น ตลอดจนเป็นการส่งเสริมการออมของภาคประชาชน โดยขอให้ ธปท.เสนอความเห็นในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อประกอบการพิจารณาของ ครม.
 
ธปท. ขอเรียนว่าการออกโทเคนดิจิทัลเป็นหนึ่งในวิธีการระดมทุนที่รัฐบาลอาจพิจารณาประยุกต์ใช้ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำธุรกรรมให้สะดวก รวดเร็ว และมีต้นทุนที่ต่ำลง รวมถึงเป็นทางเลือกในการลงทุน และการออมของประชาชน

ทั้งนี้ การออก G-Token เทียบได้กับการออกพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งเป็นตราสารทางการเงินที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบเศรษฐกิจ ดังนั้น การออก G-Token จึงจำเป็นที่ต้องมีระบบ และกระบวนการที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย เป็นไปตามกรอบกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งมีการคุ้มครองประชาชนผู้ลงทุนเทียบเท่ากับพันธบัตรรัฐบาลในปัจจุบัน ซึ่งต้องมีองค์ประกอบในการดำเนินการอย่างน้อย 5 ประการ ดังนี้

1. ระบบ และกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับ G-Token ต้องมีประสิทธิภาพ และปลอดภัย โดยระบบที่รองรับการให้บริการต้องมีความเสถียร มั่นคง และปลอดภัย ได้มาตรฐานเทียบเท่ากับพันธบัตร รัฐบาลในปัจจุบัน โดยครอบคลุมตั้งแต่การเสนอขาย การตรวจสอบธุรกรรม การจัดการทะเบียนของผู้ถือ การเก็บรักษา และรับฝาก และการไถ่ถอน

รวมทั้งผู้ให้บริการต่างๆ ที่จะเข้ามาร่วมกับรัฐบาลในการจัดการโทเคนดิจิทัล ต้องมีความน่าเชื่อถือ มีประสบการณ์ และมีความเชี่ยวชาญ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาที่จะส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยตรง เช่น หากมีเหตุสุดวิสัยที่ไม่สามารถไถ่ถอนโทเคนดิจิทัลเป็นเงินได้ ผู้ให้บริการต้องแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที เพื่อมิให้ส่งผลต่อการออกพันธบัตรรัฐบาล และการระดมทุนของรัฐบาลในวงกว้าง

2. การออก G-Token ต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายที่เหมาะสม โดย G-Tokenมีวัตถุประสงค์เพื่อการระดมทุน และการออม โดยมีลักษณะ และสาระสำคัญเทียบเท่าตราสารหนี้ภาครัฐอื่นๆ ที่ผู้ถือมีสิทธิได้รับชำระคืนเงินต้น และดอกเบี้ยจากรัฐบาล ซึ่งอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535

อีกทั้ง G-Token มีวัตถุประสงค์ต่างจากโทเคนดิจิทัลประเภทที่ให้สิทธิได้รับสินค้า บริการ หรือสิทธิอื่นใดที่เฉพาะเจาะจง (Utility Token) เช่น บัตรกำนัลดิจิทัล ภายใต้พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ.2561 ดังนั้น การออก G-Token จึงควรอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายที่เหมาะสม และสอดดล้องกับวัตถุประสงค์ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาความไม่แน่นอนของสถานะทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน

ทั้งนี้ ในปัจจุบันรัฐบาลอยู่ระหว่างแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 ให้รองรับกับการออก และการกำกับดูแลหลักทรัพย์ที่ออกโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งน่าจะเป็นกรอบกฎหมายที่เหมาะสมกับการออก G-Token มากกว่า

3. การระดมทุนด้วย G-Token ต้องเป็นไปตามกรอบวินัยการเงินการคลัง เช่นเดียวกับการกู้ยืมเงินของรัฐบาลผ่านการออกพันธบัตรรัฐบาล โดยต้องนับเป็นการกู้เงินภายใต้กรอบวงเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณรายจ่ายประจำปี และแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ

4. การบริหารจัดการ G-Token ต้องไม่มีขั้นตอนใดที่เป็นการสร้างเงิน ซึ่งจะขัดต่อพระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ.2501 ที่ห้ามไม่ให้ผู้ใดสร้างวัตถุหรือเครื่องหมายแทนเงินตรา เช่น หากมีการจ่ายผลตอบแทนของ G-Token ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบของโทเคนดิจิทัลได้ รัฐบาลจะต้องเตรียมเงินเต็มจำนวน (Fully Backed) เพื่อรองรับ เช่น ในกรณีของรัฐบาลฮ่องกงที่มีการออกพันธบัตรเพื่อสิ่งแวดล้อมในรูปแบบโทเคนดิจิทัล (Tokenized Green Bond) ก็ได้เตรียมเงินไว้เต็มจำนวน เพื่อรองรับการจ่ายดอกเบี้ยให้กับผู้ถือ

5.การออก G-Token ต้องมีวัตถุประสงค์เพื่อการระดมทุน และการออมของประชาชนเท่านั้น โดยต้องไม่นำ G-Token มาใช้เป็นสื่อกลางในการชำระเงิน (Means of Payment: MOP)โดยต้องมีกลไกติดตามเพื่อไม่ให้ถูกนำไปไข้ผิดวัตถุประสงค์ด้วย

ธปท. มีความเห็นว่า การระดมทุนด้วยการออก G-Token ของรัฐบาล ควรทำเป็นโครงการทดสอบในวงจำกัด (Pilot Project) ก่อน เพื่อที่จะได้ทดสอบให้มั่นใจว่าการนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้กับระบบ และกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการระดมทุนของรัฐบาล เริ่มตั้งแต่การออกเสนอขายจนสิ้นสุดที่การไถ่ถอน มีประสิทธิภาพ และปลอดภัยรวมถึงประเมินความเสี่ยงได้อย่างรอบด้าน และปิดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้อย่างรัดกุม ก่อนที่รัฐบาลจะนำไปใช้ระดมทุนจากประชาชนรายย่อยในวงกว้างต่อไป

ทั้งนี้ ปัจจุบันมีเพียงไม่กี่ประเทศที่ออกโทเคนดิจิทัลเพื่อการระดมทุนของภาครัฐ และส่วนใหญ่เป็นการทำในระดับ Pilot Project เท่านั้น โดยที่ผ่านมา ธปท. ได้มีการนำเทคโนโลยีใหม่มาสนับสนุนให้เกิดนวัตกรรมในภาคการเงินเช่นเดียวกัน เช่น โครงการพัฒนาระบบชำระเงินระหว่างประเทศ (โครงการ mBridge) ซึ่ง ธปท. ได้ดำเนินการทีละขั้นตอน โดยเริ่มจากการศึกษาความเป็นไปได้ในเชิงแนวคิด (Proof-of-Concept) ก่อนขยายไปสู่การทดสอบในระดับ Pilot Project แล้วจึงนำผลจากการทดสอบ มาปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้สามารถนำระบบมาใช้งานจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

โดยในระหว่างที่รัฐบาลทำ Pilot Project ดังกล่าว ประชาชนก็ยังคงสามารถลงทุน และเก็บออมผ่านพันธบัตรรัฐบาลในรูปแบบที่มีอยู่ในปัจจุบันได้อยู่แล้วด้วย เช่น พันธบัตรออมทรัพย์ดิจิทัล "วอลเล็ต สะสมบอนด์มั่งคั่ง" ซึ่งประชาชน ซื้อขายพันธบัตรผ่าน mobile application ได้โดยสะดวก