ราคาโกโก้ตลาดโลกพุ่งแตะแสนบาทต่อตัน สะเทือนธุรกิจอาหาร-เบเกอรี่
KCG เผย ราคาโกโก้ในตลาดโลกพุ่งแตะระดับแสนบาทต่อตัน บางช่วงทะยานสูงกว่าราคาน้ำมันดิบ สะเทือนกลุ่มธุรกิจร้านอาหารและเบเกอรี่ ที่ต้องรับมือกับต้นทุนวัตถุดิบ
นายดำรงชัย วิภาวัฒนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KCG กล่าวว่า ช็อกโกแลตเป็นวัตถุดิบหลักสำคัญของธุรกิจเบเกอรี่ ซึ่งมีความต้องการช็อกโกแลตเพิ่มขึ้นในตลาดโลก
โดย Grand View Research คาดการณ์ว่า ตลาดช็อกโกแลตทั่วโลกจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 3.4% จากปี 2022 - 2030
อย่างไรก็ตาม จากสภาพอากาศที่ไม่แน่นอน ทั้งภัยแล้งและฝนตกหนักในแอฟริกาตะวันตกที่เป็นแหล่งเพาะปลูกหลักของโกโก้ ทำให้ผลผลิตโกโก้ลดลงมากกว่าครึ่ง และการระบาดของโรคพืช (Cocoa Swollen Shoot Virus) ซึ่งทำลายสวนโกโก้ในหลายประเทศ และเป็นภัยคุกคามระยะยาวต่อการผลิตโกโก้
ทำให้ตั้งแต่ต้นปี 2024 เป็นต้นมา ราคาโกโก้ในตลาดโลกได้พุ่งขึ้นสูงกว่า 200% จากระดับ 3,200-3,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน หรือประมาณ 109,116-119,346 บาทต่อตัน ไปจนแตะระดับที่ราคา 10,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน หรือประมาณ 340,000 บาทต่อตัน ในบางช่วง ซึ่งสูงกว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก
“จากผลกระทบนี้ทำให้ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจอาหารและเบเกอรี่ ทั้งกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม เชฟเบเกอรี่ ร้านอาหาร โรงแรม และคาเฟ่หลายแห่ง ต่างเผชิญกับความท้าทายเรื่องราคาต้นทุนวัตถุดิบ”
นายดำรงชัย กล่าวต่อว่า KCG เห็นถึงปัญหาดังกล่าว จึงได้ร่วมมือกับ Van Houten Professional แบรนด์ช็อกโกแลตระดับโลก ผุดนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ “Van Houten Professional Signature Chocolate” ผลิตภัณฑ์ช็อกโกแลตสูตรใหม่พัฒนาขึ้นจากกระบวนการวิจัยและคิดค้นสูตรโดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อตอบโจทย์ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารและเบเกอรี่โดยเฉพาะ
นอกจากมอบคุณภาพที่เชื่อถือได้ ยังช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันด้วยต้นทุนที่คุ้มค่า ทั้งในด้านวัตถุดิบและกระบวนการผลิต ช่วยให้สามารถควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ลดทอนมาตรฐาน พร้อมสอดรับกับแนวคิดด้านความยั่งยืน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการในการนำไปใช้งานจริงได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
“KCG เชื่อว่าช็อกโกแลตสูตรใหม่นี้จะไม่ใช่แค่ของทดแทนแต่คือโอกาสใหม่ สำหรับคนทำธุรกิจ ที่ต้องการยืนหยัดในยุคที่ต้นทุนสูงขึ้นแต่ก็ยังต้องรักษาทั้งรสชาติและคุณภาพในระดับพรีเมียมไว้”
Van Houten Professional แบรนด์ช็อกโกแลตเก่าแก่
สำหรับ Van Houten Professional เป็นแบรนด์ช็อกโกแลตและโกโก้ที่มีประวัติยาวนานกว่า 200 ปี ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1815 ที่กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ โดย Caspardus Van Houten ซึ่งเริ่มต้นจากการผลิตโกโก้และช็อกโกแลต
ในปี ค.ศ. 1828 Coenraad Johannes Van Houten ลูกชายของ Caspardus ได้พัฒนาและจดสิทธิบัตรเครื่องอัดไฮดรอลิกสำหรับการสกัดผงโกโก้ ทำให้สามารถลดปริมาณโกโก้บัตเตอร์ลงได้เกือบครึ่งหนึ่ง ส่งผลให้ได้ผงโกโก้ที่ละลายได้ง่ายและมีคุณค่าทางโภชนาการสูงขึ้น ต่อมาในปี ค.ศ. 1846 Coenraad ได้พัฒนากระบวนการ "Dutching" โดยการผสมผงโกโก้กับด่าง (alkaline salts) ทำให้ได้ผงโกโก้ที่มีรสชาติช็อกโกแลตเข้มข้นและละลายได้ง่ายขึ้น
กระบวนการนี้ยังคงเป็นมาตรฐานในอุตสาหกรรมช็อกโกแลตจนถึงปัจจุบัน ในปี ค.ศ. 1865 Van Houten ได้เริ่มบรรจุผงโกโก้ในกระป๋อง ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่เพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภค
ปัจจุบัน Van Houten Professional ยังคงสืบสานมรดกแห่งนวัตกรรมด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ช็อกโกแลตและโกโก้คุณภาพสูงสำหรับเชฟและผู้เชี่ยวชาญด้านขนมหวานทั่วโลก โดยมุ่งมั่นที่จะรักษารสชาติและคุณภาพที่ยอดเยี่ยมในทุกผลิตภัณฑ์
KCG เจ้าของแบรนด์ อิมพีเรียล คุกกี้กล่องแดง
ส่วน บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KCG คือ ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อโมเดิร์นไลฟ์สไตล์ สัญชาติไทย ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ พ.ศ 2501 โดย วิจัย วิภาวัฒนกุล และน้องชายคือ ตง ธีระนุสรณ์กิจ
จากเดิมใช้ชื่อว่า “กิมจั๊วพาณิชย์” ซึ่งมีแบรนด์สินค้าที่อยู่คู่ประเทศไทยมานาน อาทิ อิมพีเรียล คุกกี้กล่องแดง, อลาวรี่ แบรนด์ผลิตภัณฑ์เนย และชีส , ซันควิก น้ำผลไม้เข้มข้น จากธรรมชาติ ยอดขายในไทยกว่า 800,000 ขวด ต่อปี
ในช่วงแรกเริ่มดำเนินธุรกิจทางด้านการนำเข้าและเป็นตัวแทนจำหน่าย สินค้าประเภทอาหารสำเร็จรูปจากต่างประเทศ จนมาถึงปัจจุบันได้มีการพัฒนาจนธุรกิจเติบโต กลายเป็นทั้งผู้นำเข้า ผู้ผลิต และผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อการบริโภค
ทั้งธุรกิจผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม ในกลุ่มสินค้าประเภท เนยและชีส ธุรกิจผลิตภัณฑ์ที่เป็นส่วนประกอบอาหารและเบเกอรี รวมถึงธุรกิจผลิตภัณฑ์บิสกิตหรือขนมสําเร็จรูปต่าง ๆ อาทิ คุกกี้ แยมผลไม้ เยลลี่ สําเร็จรูป มากกว่า 2,000 สินค้าภายใต้บริษัทฯ
และบริษัทได้แปลงสภาพเป็นบริษัทมหาชนและได้รับการอนุมัติเข้าซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2566 โดยมีเป้าหมาย เป็นองค์กรที่สร้างสรรค์ความรื่นรมย์ให้กับการรับประทานอาหาร ที่ทุกคนทำงานด้วยใจรักในศาสตร์และศิลปะของอาหาร และความเป็นมืออาชีพ


