พิชัยชี้ พิษทรัมป์ฉุดศก.โลกชะลอไตรมาส 3 จ่อเขย่างบ-ทบทวนดิจิทัลวอลเล็ต
พิชัย ชี้สงครามการค้าฉุดเศรษฐกิจโลกเริ่มชะลอไตรมาส3 เตรียมมาตรการรับมือ เล็งทบทวนงบปี 69 โยกโครงการไม่จำเป็นมาใช้ในโครงการจำเป็น พร้อมทบทวนดิจิทัลวอลเล็ต
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเปิดงานและกล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “Global Transition: เศรษฐกิจไทยภายใต้จุดเปลี่ยน” ในงาน “MOF Journey 150 ปี เส้นทางการคลังไทย” ว่า การประกาศมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐ ทำให้โลกการค้าเสรีในปัจจุบันเกิดการเปลี่ยนแปลง โดยประเทศไทยจะแก้ไขเรื่องนี้ด้วยจุดแข็งด้วยการนำเข้าเพิ่มขึ้น และส่งออกเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะสินค้าเกษตรกรรมสำหรับอุตสาหกรรมแปรรูป เช่น ข้าวโพด ปลาบางชนิด โดยจะต้องเป็นสินค้ามีราคาที่สามารถแข่งขันได้ รวมทั้งการนำเข้าสินค้าพลังงานเพิ่มขึ้น
เชื่อว่าในที่สุดแล้วหลังการเจรจาเสร็จสิ้น หากสหรัฐกำหนดอัตราภาษีเสมอภาคกับประเทศคู่แข่ง ประเทศไทยก็จะไม่เสียเปรียบ ซึ่งเชื่อว่าข้อเสนอที่ไทยจะนำไปเจรจากับสหรัฐ จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี
นายพิชัย กล่าวว่า เรื่องภาษีเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และหลายประเทศกำลังดำเนินการอย่างเงียบๆ แต่มีการพูดคุยกันในระดับลึก เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสม
ทั้งนี้ ยอดการขอบัตรส่งเสริมการลงทุนในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2568 มีมูลค่ากว่า 4 แสนล้านบาท คิดเป็น 40-50% ของ GDP ซึ่งสะท้อนว่าไทยยังเป็นที่ต้องการลงทุน อย่างไรก็ดี การส่งเสริมการลงทุนหลังจากนี้ไปจะต้องเลือกมากขึ้น อุตสาหกรรมอนาคต รวมทั้งมีการผลิตห่วงโซ่ซัพพลายเชนในไทยด้วย
ขณะเดียวกัน รัฐบาลได้ดำเนินมาตรการแก้หนี้อย่างต่อเนื่อง โดยพิจารณาปรับปรุงมาตรการ "คุณสู้ เราช่วย" ให้ครอบคลุมผู้มีหนี้สินมากขึ้น อาทิ จากเดิม 5,000 บาท เป็น 10,000 บาท และขยายเป็น 30,000 บาท เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการปรับปรุงหนี้ได้มากขึ้น โดยกระทรวงการคลังจะมีการเสนอปรับเงื่อนไขและนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในช่วงเดือนมิ.ย.-ก.ค. นี้
นายพิชัย กล่าวว่า คาดการณ์ว่า GDP ในไตรมาสแรกของปีนี้จะขยายตัวได้เกิน 2.5% และอาจมีโอกาสเติบโตใกล้เคียง 3% อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะผลกระทบจากความไม่แน่นอนต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะมาตรการจากสหรัฐ ตั้งแต่ช่วงไตรมาส3 ปีนี้ เศรษฐกิจโลกชะลอลง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออก และจะต้องเตรียมมาตรการรองรับหากสถานการณ์เลวร้ายลง
ซึ่งรัฐบาลได้มีการเตรียมมาตรการเพื่อรองรับปัจจับเสี่ยงดังกล่าวแล้ว โดยแนวทางหนึ่งคือการทบทวนงบประมาณปี 2569 โดยเฉพาะในโครงการที่ไม่เร่งด่วน ต้องไปดูว่าจะปรับเปลี่ยนได้อย่างไร เพื่อนำมาใช้ในโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนก่อน
ขณะนี้งบประมาณปี 2569 อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสภา ซึ่งจะมีการหารือกับสภาเพื่อพิจารณาถึงความเหมาะสมของงบประมาณในแต่ละส่วน ให้มีการจัดสรรงบประมาณสำหรับสถานการณ์เร่งด่วน เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลง โดยคาดว่าจะต้องใช้เม็ดเงินขนาดใหญ่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่อาจมีการทบทวน โดยจะพิจารณาตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
ในงบประมาณปี 2569 ที่จัดสรรไว้สำหรับโครงการดิจิทัล วอลเล็กมีอยู่เพียงเล็กน้อย และยังไม่สามารถระบุได้ในขณะนี้ว่าจะมีการทบทวน หรือตัดลดงบประมาณหรือไม่ โดยขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลับไปพิจารณาอย่างรอบคอบก่อน


