เร่งประธานกสทช.เปลี่ยนรักษาการเลขาธิการหลังศาลฯ ยกฟ้อง 4 กสทช.
กรรมการกสทช.ขอให้ประธานฯ ดำเนินการตามมติ กสทช. ครั้งที่ 13/2566 เปลี่ยนและแต่งตั้งรักษาการเลขาธิการ กสทช. หลังศาลมีข้อวินิจฉัยว่ามติดังกล่าวถูกต้องตามกฎหมาย
การประชุม กสทช.ครั้งที่ 11/2568 เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 พล.อ.ท.ธนพันธ์ หร่ายเจริญ กรรมการ กสทช. ได้ขอให้ ประธาน กสทช. พิจารณาดำเนินการตามมติ วาระที่ 5.22 ของที่ประชุม กสทช. ครั้งที่ 13/2566 หลังศาลได้มีคำพิพากษา “ยกฟ้อง” 4 กสทช. โดยมีคำวินิจฉัยสรุปว่า การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย และ มติ กสทช.ได้ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบของ กสทช. ซึ่งต้องปฏิบัติตาม โดยมติที่เกี่ยวข้องดังกล่าว สรุปได้ ดังนี้
1. เปลี่ยนตัว รองเลขาธิการฯ รักษาการแทนเลขาธิการฯ (นายไตรรัตน์ฯ) จนกว่าการสอบสวนจะเสร็จสิ้น
2. แต่งตั้งรองเลขาธิการ กสทช.สายงานกระจายเสียงฯ (ผศ.ภูมิศิษฐ์ฯ) เป็นผู้รักษาการแทนเลขาธิการฯ
3. สำนักงาน กสทช.ดำเนินการแต่งตั้ง คณก.สอบสวนทางวินัย ตามระเบียบการบริหารงานบุคคลฯ
ขอยืนยันว่า มติ กสทช. ดังกล่าวซึ่งได้มีการรับรองและไม่เคยถูกทบทวนหรือเพิกถอนแต่อย่างใด มีผลตามกฎหมายและผูกพันคู่กรณีต้องปฏิบัติตามแล้วตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2566 ซึ่งประธาน กสทช.แจ้งว่ายังไม่ได้รับหนังสือและยังไม่ถึงที่สิ้นสุด
นอกจากนี้ กสทช. ธนพันธุ์ฯ ยังได้มีข้อสังเกตถึงการที่ยังคงให้ “ไตรรัตน์ฯ” ทำหน้าที่รักษาการเลขาธิการ กสทช. ทั้งที่ กสทช. มีมติให้เปลี่ยนรักษาการเลขาฯ ไปแล้ว รวมทั้งแม้ว่าที่ประชุม กสทช. นัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2567 เมื่อ 17 มกราคม.2567 มีมติไม่เห็นชอบการแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ กสทช. ไปแล้ว แต่ยังไม่มีการสรรหาเลขาธิการ กสทช.
ทั้งที่กรรมการ กสทช.หลายคนได้มีหนังสือเร่งรัดให้มีการบรรจุวาระเพื่อสรรหาเลขาธิการ กสทช. ใหม่ไปหลายครั้ง ทำให้ตำแหน่งเลขาธิการ กสทช. ว่างเว้นมาจะครบ 5 ปี นับตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2563
ที่สำคัญ “ไตรรัตน์ฯ” ที่เข้าสู่ตำแหน่งรองเลขาฯ สายงานยุทธศาสตร์ฯ โดยการรับสมัครเป็นการทั่วไปตามสัญญาจ้างและจะสิ้นสุดสัญญาใน 30 เมษายน 2568 นี้ มีประเด็นและปัญหาในข้อกฎหมาย สรุป ดังนี้
1. มีคำสั่งแต่งตั้ง “ไตรรัตน์ฯ” เป็นพนักงานประจำ โดยไม่ผ่าน กสทช. จากกรณีที่นายสุทธิศักดิ์ฯ รองเลขาธิการ กสทช. ได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้ง “ไตรรัตน์ฯ” เป็นพนักงานประจำ แต่ต่อมาได้ขอยกเลิกคำสั่งที่ตนเองลงนามเนื่องจากมีประเด็นข้อกฎหมายว่ามีอำนาจที่ได้รับมอบหรือไม่ ซึ่งเมื่อกรรมการ กสทช. ทราบจากข่าวหลายสำนัก ได้ขอให้สำนักงานฯ ชี้แจงและรายงานให้ที่ประชุม กสทช. ร่วมกันพิจารณา
แต่เนื่องจากข้อสั่งการของประธาน กสทช. และการไม่อนุมัติวาระฯ เข้าสู่ที่ประชุม กสทช. โดยประธาน กสทช. ชี้แจงว่าสำนักงานฯ ได้ดำเนินการถูกต้องตามระเบียบแล้ว ทำให้คำสั่งข้างต้นเกิดประเด็นปัญหาในข้อกฎหมายและระเบียบของ กสทช. โดยมีประเด็น ดังนี้
1.1 มติ กสทช. ครั้งที่ 24/2564 เมื่อ 17 ธันวาคม 2564 วาระที่ 5.3.8 ข้อเสนอหลักการการปรับปรุงระเบียบ กสทช. ว่าด้วยการบริหารงานบุคคล พ.ศ.2555 โดยมี มติในข้อ 2. เห็นชอบให้กำหนดตำแหน่งรองเลขาธิการ กสทช. สายงานยุทธศาสตร์ฯ เป็นตำแหน่งพนักงานประจำ โดยเข้าสู่ตำแหน่งตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงาน กสทช. กำหนด โดยความเห็นชอบของ กสทช.
ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ กสทช. สายงานยุทธศาสตร์ฯ อยู่ในปัจจุบัน เมื่อครบวาระการดำรงตำแหน่ง หากมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์ ให้บรรจุและแต่งตั้งเข้าเป็นพนักงานประจำต่อไป และ ข้อ 3. มอบหมายให้สำนักงาน กสทช. แก้ไขปรับปรุงระเบียบ กสทช. ว่าด้วยการบริหารงานบุคคลฯ ตามความเห็นของกรรมการ กสทช.และนำเสนอประธาน กสทช. เพื่อพิจารณาลงนาม ซึ่งสำนักงาน กสทช. ได้ปรับปรุงแก้ไขระเบียบ กสทช. ว่า
ด้วยการบริหารงานบุคคลฯ ประกาศ ณ วันที่ 14 มกราคม 2565 ดังนี้ ข้อ 88 ในวาระเริ่มแรกมิให้นำความในข้อ 29 วรรคสี่ของระเบียบนี้มาใช้บังคับแก่ผู้ที่ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ กสทช. ที่กำกับดูแลงานด้านยุทธศาสตร์และกิจการองค์กรอยู่แล้ว ในวันก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ โดยให้ผู้นั้นยังคงดำรงตำแหน่งต่อไปจนครบระยะเวลาตามสัญญาจ้าง และเมื่อครบกำหนดระยะเวลาหากผ่านการประเมินผลการปฏิบัติงาน ให้ผู้นั้นดำรงตำแหน่งดังกล่าวต่อไป
ดังนั้นระยะเวลาการดำรงตำแหน่งตามข้อ 29 วรรคสี่ จึงไม่อาจนำมาใช้กับรองเลขาธิการฯ ยุทธศาสตร์ฯ ได้ อย่างไรก็ตาม การเข้าสู่ตำแหน่งจะสามารถดำเนินการได้เมื่อครบกำหนดเวลาตามสัญญาจ้าง และผ่านการประเมินผลการปฏิบัติงาน ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์การเข้าสู่ตำแหน่งที่สำนักงาน กสทช.กำหนด โดยความเห็นชอบของ กสทช. ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีหลักเกณฑ์ดังกล่าว
เมื่อไม่มีหลักเกณฑ์ควรต้องปฏิบัติตามระเบียบฯ การบริหารงานบุคคลฯ ข้อ 5 ในกรณีที่ระเบียบนี้มิได้กำหนดเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลในเรื่องใดไว้ ให้เลขาธิการ กสทช. เสนอ กสทช. เพื่อพิจารณาและวินิจฉัยชี้ขาด
ดังนั้นการกล่าวอ้างว่าให้ใช้กฎหมายฯ ระเบียบฯ หรือหลักเกณฑ์อื่นโดยอนุโลมเองนั้นเป็นกระทำที่ขัดต่อระเบียบ วิธีพิจารณาของ กสทช. หรือไม่?
1.2 ข้อ 88 ของระเบียบฯ ดังกล่าว มิได้ให้มีข้อยกเว้นในการนำข้อ 29 วรรคหนึ่ง “การบรรจุและแต่งตั้งหรือการแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ กสทช. หรือตำแหน่งบริหารอื่นที่เทียบเท่า ตามที่ประธาน กสทช. กำหนด ให้สำนักงาน กสทช. ดำเนินการรับสมัครและคัดเลือกจากพนักงานหรือบุคคลภายนอก
ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่สำนักงาน กสทช. กำหนด โดยความเห็นชอบของ กสทช.” ดังนั้นการแต่งตั้ง “ไตรรัตน์ฯ” โดยอาศัยอำนาจตามข้อ 9 (1) ซึ่งเป็นของเลขาธิการ กสทช. ในการแต่งตั้งพนักงานทั่วไปที่ไม่รวมถึง รองเลขาธิการฯ เนื่องจากมีข้อกำหนดตามข้อ 29 เป็นการเฉพาะนั้น ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่?
1.3 ในกรณีการประเมินผลการปฏิบัติงาน “ไตรรัตน์ฯ” เป็นการล่วงหน้าก่อนถึง 7 เดือน ซึ่งปกติต้องประเมินเมื่อครบสัญญาจ้าง ดังนั้นประเด็นและปัญหาในข้อกฎหมายนี้ สมควรได้รับการชี้แจงให้ชัดเจน เพื่อให้เกิดความโปร่งใสหรือไม่?
2. มีคำสั่ง ต่อระยะเวลาการปฏิบัติงานของรองเลขาธิการ กสทช. โดยไม่ผ่านความเห็นชอบของ กสทช. ลงวันที่ 2 เมษายน 2568 โดยที่สำนักงาน กสทช. ได้เสนอวาระที่ 6.2 เรื่อง การต่อระยะเวลาการปฏิบัติงานของผู้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ กสทช.สายงานกิจการโทรคมนาคม ที่จะครบกำหนดสัญญาในวันที่ 30 เมษายน 2568 พร้อมนายไตรรัตน์ฯ ให้ที่ประชุม กสทช.ครั้งที่ 9/2568 เมื่อ 26 มีนาคม 2568 รับทราบ
ที่ประชุมมีเพียงประธาน กสทช.รับทราบ เนื่องจากมีประเด็นปัญหาในเรื่องขั้นตอนวิธีการที่จะต้องทำให้ถูกต้องชอบธรรมหรือไม่?
ทั้งนี้ตามข้อมูลข้อเท็จจริงที่ปรากฏ กรรมการ กสทช. มีความประสงค์ที่ต้องการให้การดำเนินงานของสำนักงาน กสทช. ปฏิบัติด้วยความถูกต้อง โปร่งใส คำนึงถึงกฎหมาย ระเบียบ และ มติ กสทช. เพื่อให้ทุกฝ่ายร่วมกันตรวจสอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ที่สำคัญการบริหารราชการแผ่นดินจะเป็นไปอย่างถูกต้องนั้น ผู้ดำรงตำแหน่งที่ใช้อำนาจจะต้องดำรงตำแหน่งโดยถูกต้องตามกฎหมายและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งจะมีผลทำให้การปฏิบัติหน้าที่ของทุกคนมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน ต่อไป