เปิดธุรกิจบ่อนใต้ดินพุ่ง 1.1 ล้านล้านบาท สร้างหนี้ 2 หมื่นล้านบาท
เปิดธุรกิจบ่อนใต้ดิน พบคนไทย เล่นการพนัน 34.5 ล้านคน มูลค่ารวมสูงถึง 1.1 ล้านบาทต่อปี เจ้าหน้าที่รัฐ นักการเมืองอยู่ระดับบนของธุรกิจ ก่อหนี้คนเล่นกว่า 2 หมื่นล้านบาท
กระแสข่าวการพลักดันการออกกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ก่อนเทศกาลสงกรานต์ ร้อนแรงและเป็นที่จับตาของสังคม โดยรัฐบาลได้เร่งส่ง ร่างพ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจรให้สภาพิจารณา เลื่อนวาระการพิจารณามาเป็นวาระแรกในการประชุมวันที่ 9 เม.ย.68 หวังจะให้มีการพิจารณารับหลักการวาระแรกก่อนปิดสภาในวันที่ 10 เม.ย.68 แต่เนื่องจากมีการเมืองภายในพรรคร่วมรัฐบาล และ กระแสคัดค้านจากกลุ่มผู้ไม่เห็นด้วยนอกสภา ประกอบกับสถานะการการค้าโลกที่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จาก การประกาศมาตรการภาษีของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้รัฐบาลยอมถอยก้าวหนึ่งเลื่อนการเสนอร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจรออกไปสมัยการประชุมหน้า หรือ อีกประมาณ 3 เดือน
เหตุผลสำคัญที่รัฐบาล ร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร ออกมา คือต้องการให้เกิดการลงทุนใหม่ ในธุรกิจบันเทิงทั้งโรงแรม ท่องเที่ยว สวนสนุก สถานทีจัดการประชุม แหล่งช็อปปิ้ง ฯ และ มีกาสิโนเป็น ส่วนสำคัญของ ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวด้วย ในส่วนของกาสิโน นั้น รัฐบาลได้มีการศึกษาธุรกิจการพนันในสังคมไทย โดยเห็นว่า ปัจจุบันมีธุรกิจการพนันผิดกฎหมาย ซึ่งมีมูลค่าปีละกว่า 1 ล้านล้านบาท ซึ่งรัฐบาลไม่ได้ประโยชน์จากเม็ดเงินดังกล่าวเลย
ทั้งนี้การพนันผิดกฎหมาย ในสังคมไทย ไม่ได้มีเพียงบ่อนการพนันเท่านั้น ยังมีรูปแบบการพนันที่หลากหลาย รวมไปถึงการพนันออนไลน์ที่ผิดกฎหมายอีกด้วย
เปิดผลรายงานการวิจัย ธุรกิจบ่อนใต้ดินในประเทศไทย
จากการศึกษา พบว่า ขนาดและมูลค่าของธุรกิจการพนัน ประเมินว่า มูลค่ารวมของธุรกิจพนันผิดกฎหมายในประเทศไทยอยู่ที่ 1.1 ล้านล้านบาทต่อปี แบ่งเป็น คาสิโนออนไลน์ จำนวน 500,000 ล้านบาท บ่อนและเงินใต้ดิน จำนวน 600,000 ล้านบาท
โดยมีสัดส่วนเงินที่หมุนเวียนในประเทศราว 39% และ ไหลออกต่างประเทศสูงถึง 61%
สำหรับผู้ที่เล่นการพนันพบว่า มีผู้เล่นการพนันตั้งแต่อายุ 15 ปี ขึ้นไป สูงถึง 34.5 ล้านคน และคิดเป็นสักส่วนถึง 63.1 % ของกลุ่มคนกลุ่นนี้ ยังพบว่า ผู้เล่นที่เป็นเพศหญิงถึง 17.7 ล้านคน มากกว่าเพศชายที่มีจำนวน 16.8 ล้านคน
รูปแบบการเล่นพนันยอดนิยม แบ่งเป็น สลากกินแบ่งรัฐบาล 27.5 ล้านคน หวยใต้ดิน 21.9 ล้านคน ไพ่พนัน 4.7 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม การวิจัยยังพบว่ามูลค่าการพนันในแต่ละประเภทนั้น พนันทายผลฟุตบอล มีมูลค่าสูงสุดที่ 270,415 ล้านบาท รองลงมา หวยใต้ดิน: 164,069 ล้านบาท สลากกินแบ่งรัฐบาล 160,239 ล้านบาท พนันออนไลน์ 154,819 ล้านบาท หวยอื่นๆ (หวยต่างประเทศ,หวยหุ้น,ฯ) 97,738 ล้านบาท
เจ้าหน้าที่รัฐ นักการเมือง ผู้มีอิทธิพล เจ้าของพนันใต้ดิน
ในส่วนของโครงข่ายการพนันใต้ดิน พบว่า มีผู้เกี่ยวข้องที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ นักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แยกเป็น ระดับบน ประกอบด้วย นายทุนใหญ่,ตำรวจ, เจ้าหน้าที่รัฐ, ผู้มีอิทธิพล, นักการเมือง ระดับกลางประกอบด้วย เจ้ามือ, คนเดินโพย, แอดมินเว็บพนัน และระดับล่างประกอบด้วย ผู้เล่น, ผู้รับแทง, ผู้จัดการบัญชี
พนันทางตรงยังฮิต ขณะโซเชียลเริ่มแรง
สำหรับช่องทางการพนันใต้ดินพบว่า มีการเล่นการพนันผ่าน เจ้ามือโดยตรงมีมูลค่าถึง 113,040 ล้านบาท หรือคิดเป็น 68.9% ของช่องทางการพนัน รองมาคือช่องทางผ่านแอปแชท (LINE, ฯลฯ) 27,934 ล้านบาท คิดเป็น 17% ผ่านช่องทางเว็บไซต์/แอปพนัน 18,206 ล้านบาท คิดเป็น11.1% และผ่านโซเชียลมีเดีย (Facebook, TikTok) 4,889 ล้านบาท คิดเป็น 3%
ด้านผลกระทบคนติดการพนัน ผลการศึกษาพบว่า มีผู้ได้รับผลกระทบจำนวน 7.45 ล้านคน หรือ 21.6% ของผู้เล่นพนัน โดยปัญหาที่พบ คือ ขาดเงินใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ขายทรัพย์สินเพื่อเล่นพนันหรือใช้หนี้ ความเครียด, สุขภาพจิตเสื่อมโทรม ปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัว
หนี้พนันสูงกว่า 2 หมื่นล้านบาท
จากการศึกษายังพบว่า หนี้ที่เกิดจากจากการเล่นการพนันใต้ดิน หรือ ผิดกฎหมาย มีสูงถึง 1.67 ล้านคน มีมูลค่าหนี้รวม ถึง 20,606 ล้านบาท คิดเป็น หนี้เฉลี่ยต่อคน 12,335 บาท และพบว่า จำนวนผู้เล่นการพนันที่เป็นหนี้ ยังคงเล่นพนันต่อสูงถึง 85.2% ของผู้มีหนี้
จาก งานวิจัยจะเป็นได้ว่า ธุรกิจการพนัน ผิดกฎหมาย หรือ การพนันใต้ดิน มีอยู่จริง และมีอยู่จำนวนมาก มีผู้ที่อยู่ในวงจรของการพนันสูงเกือบครึ่งหนึ่งของจำนวนประชากรไทยทั้งหมด ผู้มีอำนาจทั้งข้าราชการ นักการเมือง ผู้มีอิทธิพลฯเข้ามาเกี่ยวข้องมากมาย สิ่งเหล่านี้เป็นปัญหาสังคมที่ภาครัฐจำเป็นต้องเข้ามาหาทางแก้ไขอย่างจริงจังมากขึ้นในอนาคต


