posttoday

พิชัย เร่งชงครม.ใน 2 สัปดาห์ ออก พ.ร.ก. ให้อำนาจ ก.ล.ต. เอาผิดปั่นหุ้น

12 มีนาคม 2568

พิชัย รมว.คลัง เตรียมเสนอ ครม. ออกกฎหมาย พ.ร.ก. ให้อำนาจ ก.ล.ต. เอาผิดปั่นหุ้นภายใน 2 สัปดาห์ พร้อมเน้นคุ้มครองนักลงทุนรายย่อยจากความเสี่ยงและความเสียหายจากการลงทุนที่ไม่โปร่งใส

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลกำลังเร่งดำเนินการออกกฎหมายพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เพื่อให้อำนาจสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สามารถดำเนินการสอบสวนคดีอาญาและลงโทษผู้ที่กระทำผิดในการปั่นหุ้นหรือกระทำการไม่เป็นธรรมในตลาดหลักทรัพย์ โดยคาดว่าจะสามารถเสนอร่างกฎหมายนี้ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาภายใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า

 

การออกพ.ร.ก. นี้มีจุดประสงค์หลักในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย รวมถึงการคุ้มครองนักลงทุนรายย่อยจากการกระทำที่ไม่โปร่งใสหรือผิดกฎหมาย ซึ่งหากพบว่ามีการกระทำผิดจะต้องได้รับการลงโทษตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อระบบการลงทุนและเศรษฐกิจโดยรวม


 

ในส่วนของการพัฒนาขีดความสามารถของ ก.ล.ต. นายพิชัยกล่าวว่า รัฐบาลจะสนับสนุนการเสริมสร้างเครื่องมือและกระบวนการทำงานให้กับ ก.ล.ต. เพื่อให้สามารถจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกรณีที่มีผลกระทบโดยตรงต่อความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทยในช่วงเวลาสำคัญ

 

นายพิชัย ยังได้กล่าวถึงสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันว่า แม้จะมีความผันผวน แต่เมื่อพิจารณาจากการตั้งกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนพิเศษ (Thai ESG Extra Fund: Thai ESGX) แล้ว มีแนวโน้มที่ดัชนีหุ้นจะกลับมาเป็นบวกในระยะสั้น ขณะที่สถานการณ์ตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากปัญหาการ Short Sellingและการบังคับใช้กฎหมายที่ยังไม่เข้มข้นเพียงพอ จึงทำให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวในเชิงเทคนิค เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับนักลงทุน

นายพิชัยยังกล่าวถึงการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยในระยะยาวว่า เมื่อก่อนดัชนีหุ้นเคยสูงถึง 1,700 จุด และมีโอกาสขยับไปที่ 1,800 จุด หากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงของเครื่องจักรในประเทศเอื้ออำนวย แต่การลดลงของดัชนีหุ้นจาก 1,500 จุดลงมาเหลือประมาณ 1,200 จุดในช่วงที่ผ่านมา ถือว่าเป็นการลดลงมากเกินไปในระยะเวลาที่สั้น ซึ่งเกิดจากหลายปัจจัย ทั้งจากการชอร์ตเซลและปัญหาทางกฎหมายที่ยังไม่เข้มแข็ง แต่รัฐบาลได้ดำเนินการแก้ไขเรื่องเหล่านี้แล้ว

ตอนนี้เราทำการปรับปรุงและแก้ไขปัญหาทางเทคนิคต่าง ๆ ในตลาดแล้ว ทำให้สถานการณ์มีความใกล้เคียงกันระหว่างนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างประเทศ ยอดการชอร์ตเซลในปัจจุบันก็เหลือน้อยลงอย่างมาก