posttoday

คลัง มั่นใจมาตรการกระตุ้นศก.ครึ่งปีหลัง ดันGDP ปี68 โตได้ 3.5%

18 กุมภาพันธ์ 2568

คลังมั่นใจ ดัน GDP ปี68 โตได้ 3-3.5% แม้สภาพัฒน์ฯ ประเมินไว้ต่ำที่ 2.8% เตรียมออกมาตรการกระตุ้นศก.อัดฉีดเงินดิจิทัล 10000 บาท-ภาษี-สินเชื่อผลักดัน EEC และ Financial Hub สร้างแรงส่งเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจรที่จังหวัดสงขลา ว่า กรณีที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดการณ์ว่า จีดีพีของไทยในปีนี้จะเติบโตเพียง 2.8% ซึ่งยังต่ำกว่าประเทศในอาเซียนอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทยอยู่ในลำดับท้ายๆ แต่ยืนยันว่า แม้การคาดการณ์เป็นเช่นนี้ หากมองย้อนหลัง 10 ปี การเติบโตจริงไม่เคยถึง 2 % เฉลี่ยประมาณ 1.9 % 

ความมั่นใจในผลการทำงานรัฐบาล
นายจุลพันธ์กล่าวว่า แม้ปีนี้จีดีพีอาจเติบโตต่ำกว่า 3% แต่จากการดำเนินงานของรัฐบาลในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่าง "แจกเงิน 10,000 บาท" และกลไกต่างๆ เช่น ระบบ easy e-receipt ที่ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจนั้น จะสามารถผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตในไตรมาสที่ 3 ได้อย่างมีประสิทธิภาพตามเป้า 

กระทรวงการคลังมั่นใจว่าในครึ่งปีหลังจะสามารถผลักดันการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 0.5% และพยายามผลักดันให้ GDP ขยายตัวได้ถึง 3.5% ด้วยกลไกต่างๆ เช่น การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการป้องกันการรั่วไหลของเงินหมื่นที่รัฐบาลได้ลงไป

การใช้เงินดิจิทัลและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

เมื่อถามถึงกรณี สภาพัฒน์ฯ มีการรวมผลจากมาตรการแจกเงิน 10,000 เฟส 3 อยู่ในการคำนวณ GDP 2.8%แล้ว นายจุลพันธ์ยืนยันว่า กระทรวงการคลังมีมาตรการที่มีประสิทธิภาพในการหมุนเวียนเม็ดเงินให้เกิดประโยชน์สูงสุดและกระตุ้นเศรษฐกิจให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี

ส่วนข้อเสนอของสภาพัฒน์ฯ ที่แนะนำให้แบ่งเงินส่วนหนึ่งจากโครงการเงิน 10,000 บาท เฟส3 มาทำโครงการบริหารจัดการน้ำ นายจุลพันธ์ตอบว่าแม้จะเป็นเงินบาทเดียวกันแต่คนละกลไกล แต่จะใช้เงินในรูปแบบแตกต่างกัน ในเรื่องนั้นเป็นการปรับโครงสร้างพื้นฐานซึ่งรัฐบาลไม่ได้ละเลย โดยมีแผนอยู่แล้วในการสนับสนุนการเติบโตในระยะยาว

ทั้งนี้ การใช้เงินจากภาครัฐยังคงมีระบบที่ต้องผ่านขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งอาจทำให้กระจายเงินลงสู่เศรษฐกิจช้ากว่าการจับจ่ายใช้สอยในภาคประชาชน แต่รัฐบาลยืนยันว่าเงินเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในระยะยาว

การกระตุ้นเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง
นายจุลพันธ์กล่าวเสริมว่า แม้ว่าผลการเติบโตของเศรษฐกิจในไตรมาสแรกจะต่ำกว่าคาด แต่ในไตรมาสที่ 2-3 จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง เพื่อรักษาโมเมนตัมทางเศรษฐกิจ โดยจะมีกลไกกระตุ้นการใช้จ่าย การลงทุน และสินเชื่อเพื่อกระจายเงินสู่ระบบเศรษฐกิจ 

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังกล่าวว่า การประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ขยายตัว 2.8% นั้น ขึ้นอยู่กับการประเมินของแต่ละสำนักที่ใช้สมมติฐานที่แตกต่างกัน ขณะที่กระทรวงการคลังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะเติบโตที่ 3% ในปีนี้ และย้ำว่า จำเป็นต้องเร่งผลักดันให้เศรษฐกิจขยายตัวตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

กระตุ้นการลงทุนและโครงสร้างพื้นฐาน
สำหรับข้อเสนอของสศช. ที่แนะนำให้รัฐบาลออกแพ็คเกจกระตุ้นการลงทุนเพิ่มเติมในปีนี้ นายเผ่าภูมิระบุว่า รัฐบาลเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ เนื่องจากการลงทุนมีความสำคัญต่อการวางโครงสร้างพื้นฐานในระยะยาว และจะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ นอกจากนี้ยังมีนโยบายสำคัญ เช่น การผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการเงิน (Financial Hub) และการพัฒนาเป็นศูนย์บันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) รวมถึงการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ในไทย โดยกระทรวงการคลังกำลังเตรียมการปรับโครงสร้างภาษีและดึงดูดแหล่งเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศ

การใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ตเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ในด้านการกระตุ้นเศรษฐกิจ รัฐบาลกำลังพิจารณาการใช้เงินจากโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1.5 แสนล้านบาทเพื่อกระตุ้นการลงทุน ซึ่งจะต้องประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2-3 เพื่อดูว่าการกระจายเงินในลักษณะใดจะช่วยรักษาโมเมนตัมทางเศรษฐกิจได้ดีที่สุด

แผนกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง
นายเผ่าภูมิกล่าวว่า รัฐบาลมีแผนที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่ 2-3 ที่จะมีมาตรการภาษีและการกระตุ้นการใช้จ่าย รวมถึงการส่งเสริมสินเชื่อ เพื่อกระจายเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ส่วนวงเงินที่จะใช้ในการกระตุ้นนั้นยังคงอยู่ระหว่างการพิจารณา

มาตรการช่วยเหลืออุตสาหกรรมยานยนต์
ในส่วนของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ชะลอตัวลงในปี 2567  รัฐบาลเห็นว่าอุตสาหกรรมนี้ได้รับผลกระทบหนักจากการปล่อยสินเชื่อที่ต่ำกว่าที่ควรเป็น ดังนั้นรัฐบาลจึงเตรียมออกมาตรการค้ำประกันสินเชื่อสำหรับกลุ่มรถกระบะในเร็วๆ นี้ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นตลาดยานยนต์ที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรม นอกจากนี้ รัฐบาลเชื่อว่ามาตรการต่างๆ เช่น EV 3.5 จะช่วยสนับสนุนตลาดรถยนต์ให้กลับมาฟื้นตัวได้

การประชุม กนง. และการปรับนโยบายการเงิน
นายเผ่าภูมิยังกล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งถัดไปว่า รัฐบาลหวังว่าจะได้รับข่าวดีจากการปรับนโยบายการเงิน โดยเฉพาะในส่วนของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หากอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ (1-3%) เพื่อช่วยส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจ ทั้งนี้รัฐบาลมั่นใจว่า ด้วยการดำเนินนโยบายต่างๆ อย่างต่อเนื่อง จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการเติบโตที่ยั่งยืนได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

ข่าวล่าสุด

จากดราม่า ‘น้องหมากินข้าวร่วมโต๊ะในร้าน’ สู่การส่องกฎหมาย Pet Friendly ของ ‘เกาหลีใต้’