นายกฯ ชี้การเป็นผู้หญิง-อายุน้อย-การแต่งตัว ไม่ใช่มาตรวัดความสามารถ!
นายกรัฐมนตรีชี้ ถูกปรามาสว่าเป็นผู้หญิง-อายุน้อย-เรื่องเสื้อผ้า แต่นั่นไม่ใช่มาตรวัดความสามารถ! มั่นใจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ รวมถึงการเปิดตลาดอุตสาหกรรมแห่งอนาคตจะช่วยดัน GDP โต
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ Go Thailand 2025 : Woman Run The World จัดโดย ฐานเศรษฐกิจ ในประเด็น Women Run The World เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 ว่า ประเทศไทยมี CEO ที่เป็นผู้หญิงมากเป็นอันดับที่ 3 ของโลก สะท้อนว่าผู้หญิงได้รับการตอบรับเป็นอย่างมากไม่ว่าจะภาครัฐหรือเอกชน แม้ว่าในรัฐบาลจะยังมีผู้หญิงไม่มากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ แต่ในประวัติศาสตร์ไทยนับว่ามากที่สุด นอกจากนี้ ตนยังภูมิใจที่อยู่ในประเทศที่กฎหมายสมรสเท่าเทียมผ่านแล้ว และสามารถทำให้กฎหมายดูแลคนในทุกเพศสภาพได้
ทั้งนี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ยังได้พูดถึงประเด็นการตัดสินความสามารถจากภายนอกว่า อยากให้ผู้หญิงทุกคนไม่ว่าจะอยู่ตำแหน่งใดก็ตาม การเต็มที่กับการทำงานคือมาตรวัดความสามารถของตัวเองมากกว่ารูปลักษณ์ภายนอก
“ด้วยความเป็นผู้หญิง โดนปรามาสมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอายุน้อย หรือเรื่องเสื้อผ้าหน้าผม แต่นั่นไม่ใช่มาตรวัดความรู้ความสามารถของเพศใดเลย นั่นเป็นเพียงรูปลักษณ์ภายนอก“
นางสาวแพทองธารยังกล่าวอีกว่า ในฐานะที่เป็นแม่ ลูกสาว และภรรยา มีหลายบทบาทหน้าที่ และเป็นหนึ่งในคนที่สร้างความเข้มแข็งกับลูก ให้เข้าใจโลกแบบเข้มแข็งและไม่ฝืนธรรมชาติ หากสอนลูกตัวเองก็จะสอนให้ลูกมี Self Esteem หรือรู้ว่าคุณค่าของตนอยู่ที่ตนเอง ให้เติบโตบนพื้นฐานที่รักตัวเองมากพอที่จะส่งความรักให้คนอื่นได้ เพราะหากรักตัวเองไม่มากพอก็จะไม่มีแรงที่จะส่งต่อไปยังคนอื่นได้เช่นกัน
“อยากจะตอกย้ำว่า การที่เราเป็นผู้หญิง เรามีความเท่าเทียม มีความเป็นมนุษย์ และมีพลังในการผลักดันประเทศได้เช่นกัน“
แสดงวิสัยทัศน์ประเทศไทยสู่สายตาชาวโลก
นายกแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรียังได้พูดถึงสิ่งที่นำไปพูดคุยในงาน World Economic Forum ที่เมืองดาวอสว่าประเด็นสำคัญที่ได้ไปพูดคุยแลกเปลี่ยนกับต่างชาติ มีตั้งแต่การทำให้ประเทศไทยเป็นครัวโลก เนื่องจากประเทศไทยมีทรัพยากร และมีพืชผลทางการเกษตรที่อุดมสมบูรณ์ ซึ่งสามารถนำมาต่อยอดเรื่องของ Food Security หรือความมั่นคงทางอาหารได้ เพราะสำหรับบางประเทศ อาหารเป็นสิ่งหายาก หรือไม่สามารถเก็บเป็นระยะเวลานาน ประเทศไทยสามารถเสนอนวัตกรรมต่างๆ ในการเก็บพืชผลเหล่านั้นให้นานขึ้นได้อย่างไร หรือสามารถส่งออกไปให้ได้ทันทีในระยะเวลาอันสั้นได้ จึงอยากจะส่งเสริมเกษตรกรไทยด้วยการนำนวัตกรรมเข้ามาช่วย เพื่อให้พืชผลเหล่านั้นสามารถส่งออกไปทั่วโลกได้สำเร็จ
นอกจากนี้ การสร้างมูลค่าจากวัฒนธรรมไทย ก็เป็นเรื่องที่ถูกพูดถึง ประเทศไทยสู้ได้ในเรื่องราคา และเพิ่มเสน่ห์ให้แก่ประเทศได้ เช่น การจัดเฟสติวัลตลอดปี ไม่ใช่แค่ช่วงไฮซีซั่น เพื่อทำให้เกิดรายได้หมุนเวียนและดึงเงินจากนักท่องเที่ยวให้ได้มากขึ้น ซึ่งเป็นนโยบายต่อยอดจากอดีตนายกฯเศรษฐา
ชี้ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ดัน GDP
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยว่า ทราบว่า GDP ควรต้องกระตุ้น และเศรษฐกิจโตช้ากว่าศักยภาพที่ควรจะเป็น รัฐบาลจึงเสนอ Entertainment Complex และ Wellness Tourism เพื่อผลักดัน GDP ของประเทศให้โตได้ เพราะโตเท่าเดิมไม่เพียงพอ
นอกจากนี้ เรายังเอาเน้นการดึงเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ เช่น Data Center หรืออุตสาหกรรมแห่งอนาคตอื่นๆ เข้ามา อุตสาหกรรมเหล่านี้ใช้พลังงานมาก จึงต้องทำยังไงให้การเข้ามาตั้งฐานการผลิตในไทยมีต้นทุนต่ำเพียงพอที่จะแข่งขันได้ ก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ
รวมไปถึงเรื่องของ Green Energy ทำยังไงให้อุตาหกรรมแห่งอนาคตเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และไม่เพิ่มภาวะโลกร้อน รัฐบาลจะยังคงสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านความยั่งยืน และการเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2050
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังระบุถึงในเรื่องของการพัฒนาแรงงาน เพื่อตอบโจทย์อุตสาหกรรมแห่งอนาคต โดยมองว่าประเทศจำเป็นต้องใช้ทางลัด เช่น Google เข้ามาลงทุนก็ต้องมาเทรนด์คนให้ด้วย แต่หน้าที่ของรัฐบาลจะต้องเตรียมคนในรุ่นต่อไป เพื่อไม่ต้องหาแรงงานจากที่อื่นมาเติมในส่วนนี้ แต่ให้เป็นโอกาสของเด็กไทย ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ทุกกระทรวงต้องร่วมมือกัน