posttoday

"ภูมิธรรม"ชี้หุ้นไทยร่วงแค่ชั่วคราว คลี่คลายหลังพ้นคดีการเมือง

11 มิถุนายน 2567

ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ชี้หุ้นไทยร่วงสถานการณ์ชั่วคราว คลี่คลายหลังพ้นคดีการเมือง ให้ความมั่นใจนายกฯเศรษฐาทำงานเต็มที่ไม่มีปัญหา ขอย่าเปรียบเทียบกับรัฐบาลประยุทธ์ หุ้นขึ้นลงไม่เกี่ยวกับเพื่อไทย

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ตอบคำถามสื่อที่ทำเนียบรัฐบาลก่อนประชุม ครม.ที่ว่า รัฐบาลจะสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนอย่างไร หลังเมื่อวานนี้(10 มิ.ย.) หุ้นตกมากกว่ารัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า หุ้นขึ้นลงเป็นเรื่องปกติ ซึ่งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เกิดความเข้าใจว่า มีความไม่เชื่อมั่นต่างๆ ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันนี้คลี่คลายลงแล้ว วันนี้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นหลายกรณีที่ต้องมีการขึ้นศาล ซึ่งไปมองกันว่ามีปัญหา แต่วันนี้นายกรัฐมนตรีได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีปัญหาอะไร

"เป็นสถานการณ์ชั่วคราวเดี๋ยวก็คลี่คลาย รัฐบาลพยายามทำหน้าที่ต่างๆให้ดีที่สุด ขณะนี้ต้องรอให้มีการพิจารณาของศาลก่อน เชื่อว่าหากศาลพิจารณาแล้วเสร็จก็คงจะไม่มีอะไร คิดว่าเป็นข่าวที่ทำให้ตกใจ หรือไม่สบายใจกัน แต่หากผ่านไปแล้วก็จะจบเหมือนกับหลายเรื่อง ซึ่งไม่ใช่สถานการณ์ถาวร"นายภูมิธรรม กล่าว

ส่วนที่หุ้นปรับลงมากกว่ายุคพลเอกประยุทธ์ นายภูมิธรรม กล่าวว่า จะมาพูดแบบนี้ไม่ได้ เพราะการที่หุ้นจะขึ้นจะลงไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย หรือยุคพลเอกประยุทธ์ แต่เกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนั้นๆ ซึ่งต้องดูตามความเป็นจริง

นายภูมิธรรม ยังระบุว่า เพิ่งทราบข่าวกรณีที่ทีมกฎหมายของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยื่นเรื่องต่ออัยการสูงสุดข่าวหนังสือพิมพ์เมื่อเช้านี้ ก็เป็นเรื่องที่ว่ากันไป

ดัชนีตลาดหุ้นไทย เมื่อ10มิ.ย.67 ปิดตลาดที่ 1,318.57 จุด ปรับลดลง 14.17 จุด หรือปรับลดลง 1.06% มูลค่าการซื้อขาย 38,324.69 ล้านบาท ระหว่างวันขึ้นไปทำระดับสูงสุดที่ 1,329.81 จุด และลงไปต่ำสุดที่ 1,313.26 จุด แบ่งตามประเภทนักลงทุน สถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 169.96 ล้านบาท บัญชี บล. ขายสุทธิ 300.55 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 1,612.80 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศ ซื้อสุทธิ 1,743.39 ล้านบาท    

นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย ประเมินว่า ตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลงแรง รับแรงกดดันหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขแรงงานสหรัฐที่ดีกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ เพิ่มแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและดอกเบี้ย CME FED Watch ประเมินว่าจะเห็นการลดดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้ง ภายในปีนี้ประกอบกับปัจจัยในประเทศยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเมือง ทั้งการพิจารณาพรรคก้าวไกล และตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน