posttoday

หนุน F&B ไทย ใช้เทคโนโลยีลดต้นทุนพลังงาน ขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน  

10 มิถุนายน 2567

อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) กำลังเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจรอบด้าน โดยเฉพาะต้นทุนพลังงานและวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้เพิ่มมากขึ้น เพื่อเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุน

อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) กำลังเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจรอบด้าน

โดยเฉพาะต้นทุนพลังงานและวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการเปลี่ยนแปลงในความต้องการของผู้บริโภคที่เน้นการดูแลสุขภาพ สินค้าที่ออกแบบเฉพาะบุคคล และการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ส่งเสริมความยั่งยืน ข้อมูลจากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ในเดือนมีนาคม 2567 หดตัว 5.13% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 18 ซึ่งมีหลายปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ทั้งค่าไฟฟ้า ราคาวัตถุดิบและราคาน้ำมัน โดยอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมหลักที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว

 

ปัจจุบันผู้ประกอบการมีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้เพิ่มมากขึ้น เพื่อเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุน ในปีงบประมาณ 2566 ผลิตภัณฑ์และโซลูชันจากซีเมนส์ช่วยให้ลูกค้าของบริษัทฯ หลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซ CO2 ได้ประมาณ 190 ล้านตัน สอดรับกับแนวทางการดำเนินธุรกิจที่ยึดหลักความยั่งยืนเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

 

หนุน F&B ไทย ใช้เทคโนโลยีลดต้นทุนพลังงาน ขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน  

 

ซีเมนส์ เดินหน้าสนับสนุนวิสัยทัศน์ Thailand 4.0 อย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงการสนับสนุนอุตสาหกรรม F&B ในการก้าวสู่ยุคดิจิทัลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีความยั่งยืนมากขึ้น นำเทคโนโลยีและโซลูชันระดับโลกล่าสุด อาทิ Robot Integrator, Integrated Energy Management System, Advanced Planning and Scheduling หรือ APS Predictive Maintenance และอีกหลากหลายนวัตกรรมด้านความยั่งยืน มาร่วมจัดแสดงและสาธิตยูสเคสที่น่าสนใจ ภายในงาน ProPak Asia 2024 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-15 มิถุนายน ศกนี้ ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค (BITEC)

 

โจเซฟ คง หัวหน้ากลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมดิจิทัล ซีเมนส์ ประเทศไทย กล่าวว่า “ซีเมนส์รู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นอุตสาหกรรมการผลิตไทยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้และเดินหน้าสู่เส้นทางการผลิตที่ยั่งยืน เรามุ่งมั่นสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านของภาคอุตสาหกรรม F&B ไปสู่การใช้โซลูชันเทคโนโลยีดิจิทัลที่ครอบคลุมห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมดของอุตสาหกรรม การจัดแสดงโซลูชันของซีเมนส์ ภายในงาน Propak Asia 2024 ครั้งนี้จะช่วยให้ข้อมูลเชิงลึกกับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมฯเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่มุ่งเน้นความยั่งยืน ตั้งแต่ส่วนการออกแบบ (Design) ส่วนการผลิต (Production) และห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) เพื่อเปลี่ยนความท้าทายให้เป็นโอกาส ผลักดันการใช้นวัตกรรมเพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนของอุตสาหกรรมฯ

 

หนุน F&B ไทย ใช้เทคโนโลยีลดต้นทุนพลังงาน ขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน  

 

เทคโนโลยีและโซลูชันไฮไลท์ของซีเมนส์ที่จัดแสดงในงาน ProPak Asia 2024 ประกอบด้วย

• Robot Integrator: ปัจจุบันภาคการผลิตมีการใช้เครื่องจักรและหุ่นยนต์อย่างแพร่หลาย จากผู้ผลิตต่างแบรนด์ ซึ่งทำให้เกิดความซับซ้อน สิ้นเปลืองทรัพยากรและงบประมาณในการจัดการ ทั้งนี้โซลูชัน Robot Integrator ผนวกรวมการจัดการหุ่นยนต์จากผู้ผลิตหลายรายเข้าด้วยกันภายใต้ Interface เดียว ลดเวลาการเขียนโปรแกรมและวิศวกรรมซอฟต์แวร์ลงถึง 30%* สามารถช่วยให้อุตสาหกรรม F&B ได้รับประโยชน์ในสองด้านหลัก ๆ ได้แก่ ด้านการทำวิศวกรรม และด้านการปฏิบัติงาน ช่วยลดความผิดพลาดและการซ่อมบำรุงที่ไม่จำเป็น เพิ่มประสิทธิภาพ ความยืดหยุ่นให้กับธุรกิจ

 

• Integrated Energy Management System: ซอฟต์แวร์โซลูชันในการตรวจสอบจัดการพลังงานครบวงจรที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 50001 โดยโซลูชันนี้จะบันทึกข้อมูลและวิเคราะห์การใช้พลังงานหลากหลายประเภทที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิต สามารถปรับขยายได้ (Scalable) สามารถให้ข้อมูลการใช้พลังงานในส่วนย่อยไปจนถึงภาพรวมของทั้งองค์กร ช่วยให้ผู้ประกอบการเห็นภาพรวมสามารถลดต้นทุนด้านพลังงานได้อย่างยั่งยืน พร้อมเพิ่มผลผลิตและขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ

 

• Opcenter Advanced Planning and Scheduling (หรือ APS): ซอฟต์แวร์ช่วยการวางแผนและกำหนดตารางการผลิตขั้นสูง ที่มีความสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการวางแผนและกำหนดตารางการผลิต ลดเวลาการหยุดทำงานของเครื่องจักร เพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้า ประโยชน์เด่นของ Opcenter APS

o เพิ่มผลผลิตขึ้นได้สูงสุดถึง 25% ด้วยการตรวจจับอุปสรรคคอขวดในระบบ ลดเวลาการตั้งค่า เพิ่มประสิทธิภาพในการนำเครื่องจักรและเครื่องมือต่าง ๆ มาใช้ และลดงานที่อยู่ในระหว่างการดำเนินการลง

o ลดการเก็บสินค้าคงคลังลงได้สูงสุดถึง 50% โดยลดของเสียในระบบ ระบุสาเหตุการขาดแคลนสินค้าได้อย่างง่ายดาย พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนของวัสดุและการซิงโครไนซ์ด้านการผลิต

o การจัดส่งตรงเวลาเพิ่มขึ้นได้สูงสุดถึง 50% โดยเพิ่มประสิทธิภาพและความพร้อมใช้งาน ลดระยะเวลาการรอคอยสินค้า

 

• Senseye Predictive Maintenance: โซลูชันการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์นี้ช่วยจัดการกับความท้าทายของผู้ผลิตในการบริหารการบำรุงรักษาสินทรัพย์ ด้วยเทคโนโลยี AI ชั้นนำที่สามารถสร้างแบบจำลองพฤติกรรมของเครื่องจักรและผู้ดูแลแบบอัตโนมัติ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดสรรทรัพยากรไปใช้ในจุดที่มีความจำเป็นสูงสุด ลดเวลาเครื่องจักรหยุดทำงานลงสูงสุดถึง 50% ลดค่าใช้จ่ายการซ่อมบำรุงสูงสุดถึง 40% แพลตฟอร์มนี้ยังช่วยเร่งกระบวนการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันขององค์กรได้อีกด้วย