posttoday

ราคาทองคำสัปดาห์นี้พุ่งต่อหลังขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์และสงครามส่อเดือด

15 มกราคม 2567

ฮั่วเซ่งเฮงมองราคาทองสัปดาห์นี้พุ่งต่อ คาดยืนเหนือ 2,013 ดอลลาร์ หลังสัญญาณความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์และสงครามส่อเดือด ด้านผู้เชี่ยวชาญและนักลงทุนประสานเสียงทองขาขึ้น

ฮั่วเซ่งเฮงวิเคราะห์ทิศทางราคาทองคำสัปดาห์นี้พุ่งอีกครั้ง จากความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้น ด้วยปัจจัยบวกทั้ง ภาวะเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ สงครามยูเครน-รัสเซีย สงครามอิสราเอล-ฮามาส และธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำต่อเนื่อง แม้มีปัจจัยฉุดจากความต้องการทองคำจากจีนลดลง จากเศรษฐกิจจีนที่คาดเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลงในปีนี้ และเฟดอาจจะไม่ลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค.

โดยมองว่าทองคำยังพุ่งขึ้นอีกครั้ง ท่ามกลางความตึงเครียดทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นและผลการเลือกตั้งไต้หว้นก็เป็นไปตามคาด วิลเลียม ไล ชิง-เต๋อ จากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีแห่งไต้หวัน ด้วยคะแนนเสียงถล่มทลายถึง 5 ล้านเสียง ทำให้ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ยังคงอยู่ ด้วยวิลเลียม ไล ชิง-เต๋อพร้อมมุ่งมั่นที่จะปกป้องไต้หวันจากภัยคุกคามและการข่มขู่อย่างต่อเนื่องจากจีน แต่ยังคาดว่าความตึงเครียดในช่องแคบไต้หวันและสงครามระหว่างจีนกับไต้หวันยังไม่น่าจะเกิดขึ้นในปีนี้ 

ทั้งนี้หากสงครามไต้หวันได้เกิดขึ้น Bloomberg Economics ได้ประเมินมูลค่าความเสียหายอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเท่ากับประมาณ 10.2% ของ GDP โลก ซึ่งมากกว่ามูลค่าความเสียหายจากผลกระทบอื่น ๆ ได้แก่ สงครามอิสราเอล-กลุ่มฮามาส วิกฤติโควิด-19 รวมถึงจะส่งผลให้ GDP ของจีน -16.7% และ GDP สหรัฐ -6.7% ซึ่งจะนำไปสู่ความร้ายแรงของเศรษฐกิจอย่างมาก ทั้งนี้เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และเศรษฐกิจอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกได้รับผลกระทบมากที่สุด

หากสงครามไต้หวันได้เกิดขึ้น Bloomberg Economics ได้ประเมินมูลค่าความเสียหายอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเท่ากับประมาณ 10.2% ของ GDP โลก

อย่างไรก็ตาม สงครามไต้หวันยังคาดว่ายังไม่เกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ แต่ความตีงเครียดที่เพิ่มขึ้นนั้น กลับไปสู่ฝั่งบริเวณทะเลแดง เมื่อสหรัฐและอังกฤษใช้ปฏิบัติการทางอากาศโจมตีกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมน ส่งผลทำให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นแรงกว่า 20 ดอลลาร์ในวันศุกร์ที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนต่างเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

ท่ามกลางความกังวลว่าความขัดแย้งในภูมิภาคจะทวีความรุนแรงขึ้น จากการโจมตีของสหรัฐ ซึ่งถือว่าเป็นการโจมตีเป็นครั้งแรกในดินแดนเยเมนนับตั้งแต่ปี 2559 และยังถือเป็นการแทรกแซงทางทหารครั้งแรกของสหรัฐ เพื่อตอบโต้การโจมตีด้วยโดรนและขีปนาวุธบนเรือพาณิชย์ นับตั้งแต่สงครามของอิสราเอลในฉนวกกาซาที่เริ่มต้นขึ้นในเดือนต.ค 2566 ความขัดแย้งนี้จึงอาจส่อแววที่บานปลาย และก่อให้เกิดสงครามที่ยาวนานมากขึ้น กลุ่มกบฏฮูตีที่เราพอทราบดีว่าเป็นตัวแทนของอิหร่าน ย่อมไม่พอใจ และอาจจะตอบโต้กลับด้วยวิธีที่รุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม

ทั้งนี้เคยมีการคาดการณ์ว่า หากสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสขยายวงกว้างขึ้น โดยมีอิหร่านเข้ามาร่วมสงครามด้วยในครั้งนี้ จะส่งผลให้น้ำมันพุ่งขึ้นไปแตะ 150 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จนทำให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้นอีก 1.2% และมีโอกาสที่ทำให้เงินเฟ้อโลกอยู่ที่ 6.7% ในปีนี้ ส่วน GDP ทั่วโลกลดลง 1% ส่งผลให้ GDP โลกเหลือเพียง 1.7% ซึ่งเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ขณะที่ราคาทองคำมีโอกาสขึ้นไปสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All Time High) รอบใหม่ จากระดับสูงสุดเดิมที่ 2,144 ดอลลาร์เมื่อเดือนธ.ค.ปีที่ผ่านมา

ราคาทองคำดีดตัวขึ้นแรงทะลุบริเวณ 2,045 ดอลลาร์ อีกทั้งปิดตลาดยืนเหนือราคาดังกล่าว จึงมีสัญญาณที่ราคาทองคำอาจปรับตัวขึ้นได้ต่อ ส่วนสัปดาห์นี้ติดตามการประชุมประจำปีของสภาเศรษฐกิจโลก (WEF) ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 15-19 ม.ค.2567 ณ กรุงดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และติดตามการแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดหลายท่านในสัปดาห์นี้ สัปดาห์นี้ราคาทองคำมีแนวรับอยู่ที่  2,030 ดอลลาร์ และ 2,013 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 2,060 ดอลลาร์ และแนวต้าน 2,078 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 33,600 บาท และ 33,400 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 33,900 บาท และ 34,000 บาท

ด้านผลสำรวจมุมมองต่อทิศทางราคาทองคำในประเทศรายสัปดาห์ระหว่างวันที่ 15 – 19 ม.ค.2567 จากการสำรวจ GRC Gold Survey โดย ศูนย์วิจัยทองคำระบุว่า 14 ผู้เชี่ยวชาญในตลาดทองคำที่ได้มีส่วนร่วมตอบแบบสำรวจ ในจำนวนนี้มี 7 ราย หรือเทียบเป็น 50% คาดว่าราคาทองคำในสัปดาห์หน้าจะปรับเพิ่มขึ้น ส่วนจำนวน 2 ราย หรือเทียบเป็น 14% คาดว่าราคาทองคำจะลดลง และ จำนวน 5 ราย หรือเทียบเป็น 36% คาดว่าราคาทองคำจะใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่ผ่านมา

สำหรับนักลงทุนทองคำ ได้เข้าร่วมตอบแบบสำรวจ จำนวน 346 ราย ในจำนวนนี้มี 190 ราย หรือเทียบเป็น 55% คาดว่าราคาทองคำในประเทศของสัปดาห์หน้าจะปรับเพิ่มขึ้น ส่วนจำนวน 98 ราย หรือเทียบเป็น 28% คาดว่าราคาทองคำจะลดลง และ จำนวน 58 ราย หรือเทียบเป็น 17% คาดว่าราคาทองคำจะใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่ผ่านมา

ด้านสถานการณ์ราคาทองคำ ราคาทองคำแท่งในประเทศ 96.5% ตามประกาศ สมาคมค้าทองคำ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 33,550 – 33,850 บาท ต่อบาททองคำ โดยราคาทองคำปิดอยู่ที่ระดับ 33,850 บาท ต่อบาททองคำ เพิ่มขึ้น 200 เมื่อเปรียบเทียบกับราคาปิดของสัปดาห์ก่อนหน้า (สัปดาห์ก่อนหน้าปิดที่ 33,650 บาท) ดูรายงาน GRC ฉบับก่อนหน้า

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

1. สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังจากที่สหรัฐฯ และอังกฤษใช้ปฏิบัติการทางอากาศโจมตีกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมน โดยปฏิบัติการดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่กลุ่มฮูตีได้ทำการโจมตีเรือสินค้าในทะเลแดงอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานหลายสัปดาห์ โดยอ้างว่าเป็นการตอบโต้อิสราเอลที่ใช้ปฏิบัติการทางทหารต่อชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา และเพื่อเป็นการแสดงออกถึงการสนับสนุนชาวปาเลสไตน์

2. ปริมาณการซื้อในตลาดทองคำอาจเบาบาง เนื่องจากตลาดเงินและตลาดทุนของสหรัฐฯ จะปิดทำการในวันที่ 15 มกราคม 2567 เนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์

3. รายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ผลสำรวจภาคการผลิตของ FED สาขานิวยอร์กและสาขาฟิลาเดลเฟีย, ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เบื้องต้น) เดือน มกราคม 2567, ยอดค้าปลีก, การผลิตภาคอุตสาหกรรม และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

GRC Gold Survey 15-19 Jan 2024

 

ข่าวล่าสุด

ยกเครื่องเพื่อไทย เดิมพันคนรุ่นใหม่ ปักหมุดเศรษฐกิจดิจิทัล