ราคาทองคำสัปดาห์นี้พุ่งต่อหลังขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์และสงครามส่อเดือด
ฮั่วเซ่งเฮงมองราคาทองสัปดาห์นี้พุ่งต่อ คาดยืนเหนือ 2,013 ดอลลาร์ หลังสัญญาณความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์และสงครามส่อเดือด ด้านผู้เชี่ยวชาญและนักลงทุนประสานเสียงทองขาขึ้น
ฮั่วเซ่งเฮงวิเคราะห์ทิศทางราคาทองคำสัปดาห์นี้พุ่งอีกครั้ง จากความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้น ด้วยปัจจัยบวกทั้ง ภาวะเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ สงครามยูเครน-รัสเซีย สงครามอิสราเอล-ฮามาส และธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำต่อเนื่อง แม้มีปัจจัยฉุดจากความต้องการทองคำจากจีนลดลง จากเศรษฐกิจจีนที่คาดเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลงในปีนี้ และเฟดอาจจะไม่ลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค.
โดยมองว่าทองคำยังพุ่งขึ้นอีกครั้ง ท่ามกลางความตึงเครียดทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นและผลการเลือกตั้งไต้หว้นก็เป็นไปตามคาด วิลเลียม ไล ชิง-เต๋อ จากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีแห่งไต้หวัน ด้วยคะแนนเสียงถล่มทลายถึง 5 ล้านเสียง ทำให้ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ยังคงอยู่ ด้วยวิลเลียม ไล ชิง-เต๋อพร้อมมุ่งมั่นที่จะปกป้องไต้หวันจากภัยคุกคามและการข่มขู่อย่างต่อเนื่องจากจีน แต่ยังคาดว่าความตึงเครียดในช่องแคบไต้หวันและสงครามระหว่างจีนกับไต้หวันยังไม่น่าจะเกิดขึ้นในปีนี้
ทั้งนี้หากสงครามไต้หวันได้เกิดขึ้น Bloomberg Economics ได้ประเมินมูลค่าความเสียหายอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเท่ากับประมาณ 10.2% ของ GDP โลก ซึ่งมากกว่ามูลค่าความเสียหายจากผลกระทบอื่น ๆ ได้แก่ สงครามอิสราเอล-กลุ่มฮามาส วิกฤติโควิด-19 รวมถึงจะส่งผลให้ GDP ของจีน -16.7% และ GDP สหรัฐ -6.7% ซึ่งจะนำไปสู่ความร้ายแรงของเศรษฐกิจอย่างมาก ทั้งนี้เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และเศรษฐกิจอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกได้รับผลกระทบมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม สงครามไต้หวันยังคาดว่ายังไม่เกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ แต่ความตีงเครียดที่เพิ่มขึ้นนั้น กลับไปสู่ฝั่งบริเวณทะเลแดง เมื่อสหรัฐและอังกฤษใช้ปฏิบัติการทางอากาศโจมตีกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมน ส่งผลทำให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นแรงกว่า 20 ดอลลาร์ในวันศุกร์ที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนต่างเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
ท่ามกลางความกังวลว่าความขัดแย้งในภูมิภาคจะทวีความรุนแรงขึ้น จากการโจมตีของสหรัฐ ซึ่งถือว่าเป็นการโจมตีเป็นครั้งแรกในดินแดนเยเมนนับตั้งแต่ปี 2559 และยังถือเป็นการแทรกแซงทางทหารครั้งแรกของสหรัฐ เพื่อตอบโต้การโจมตีด้วยโดรนและขีปนาวุธบนเรือพาณิชย์ นับตั้งแต่สงครามของอิสราเอลในฉนวกกาซาที่เริ่มต้นขึ้นในเดือนต.ค 2566 ความขัดแย้งนี้จึงอาจส่อแววที่บานปลาย และก่อให้เกิดสงครามที่ยาวนานมากขึ้น กลุ่มกบฏฮูตีที่เราพอทราบดีว่าเป็นตัวแทนของอิหร่าน ย่อมไม่พอใจ และอาจจะตอบโต้กลับด้วยวิธีที่รุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม
ทั้งนี้เคยมีการคาดการณ์ว่า หากสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสขยายวงกว้างขึ้น โดยมีอิหร่านเข้ามาร่วมสงครามด้วยในครั้งนี้ จะส่งผลให้น้ำมันพุ่งขึ้นไปแตะ 150 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จนทำให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้นอีก 1.2% และมีโอกาสที่ทำให้เงินเฟ้อโลกอยู่ที่ 6.7% ในปีนี้ ส่วน GDP ทั่วโลกลดลง 1% ส่งผลให้ GDP โลกเหลือเพียง 1.7% ซึ่งเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ขณะที่ราคาทองคำมีโอกาสขึ้นไปสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All Time High) รอบใหม่ จากระดับสูงสุดเดิมที่ 2,144 ดอลลาร์เมื่อเดือนธ.ค.ปีที่ผ่านมา
ราคาทองคำดีดตัวขึ้นแรงทะลุบริเวณ 2,045 ดอลลาร์ อีกทั้งปิดตลาดยืนเหนือราคาดังกล่าว จึงมีสัญญาณที่ราคาทองคำอาจปรับตัวขึ้นได้ต่อ ส่วนสัปดาห์นี้ติดตามการประชุมประจำปีของสภาเศรษฐกิจโลก (WEF) ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 15-19 ม.ค.2567 ณ กรุงดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และติดตามการแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดหลายท่านในสัปดาห์นี้ สัปดาห์นี้ราคาทองคำมีแนวรับอยู่ที่ 2,030 ดอลลาร์ และ 2,013 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 2,060 ดอลลาร์ และแนวต้าน 2,078 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 33,600 บาท และ 33,400 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 33,900 บาท และ 34,000 บาท
ด้านผลสำรวจมุมมองต่อทิศทางราคาทองคำในประเทศรายสัปดาห์ระหว่างวันที่ 15 – 19 ม.ค.2567 จากการสำรวจ GRC Gold Survey โดย ศูนย์วิจัยทองคำระบุว่า 14 ผู้เชี่ยวชาญในตลาดทองคำที่ได้มีส่วนร่วมตอบแบบสำรวจ ในจำนวนนี้มี 7 ราย หรือเทียบเป็น 50% คาดว่าราคาทองคำในสัปดาห์หน้าจะปรับเพิ่มขึ้น ส่วนจำนวน 2 ราย หรือเทียบเป็น 14% คาดว่าราคาทองคำจะลดลง และ จำนวน 5 ราย หรือเทียบเป็น 36% คาดว่าราคาทองคำจะใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับนักลงทุนทองคำ ได้เข้าร่วมตอบแบบสำรวจ จำนวน 346 ราย ในจำนวนนี้มี 190 ราย หรือเทียบเป็น 55% คาดว่าราคาทองคำในประเทศของสัปดาห์หน้าจะปรับเพิ่มขึ้น ส่วนจำนวน 98 ราย หรือเทียบเป็น 28% คาดว่าราคาทองคำจะลดลง และ จำนวน 58 ราย หรือเทียบเป็น 17% คาดว่าราคาทองคำจะใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ด้านสถานการณ์ราคาทองคำ ราคาทองคำแท่งในประเทศ 96.5% ตามประกาศ สมาคมค้าทองคำ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 33,550 – 33,850 บาท ต่อบาททองคำ โดยราคาทองคำปิดอยู่ที่ระดับ 33,850 บาท ต่อบาททองคำ เพิ่มขึ้น 200 เมื่อเปรียบเทียบกับราคาปิดของสัปดาห์ก่อนหน้า (สัปดาห์ก่อนหน้าปิดที่ 33,650 บาท) ดูรายงาน GRC ฉบับก่อนหน้า
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
1. สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังจากที่สหรัฐฯ และอังกฤษใช้ปฏิบัติการทางอากาศโจมตีกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมน โดยปฏิบัติการดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่กลุ่มฮูตีได้ทำการโจมตีเรือสินค้าในทะเลแดงอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานหลายสัปดาห์ โดยอ้างว่าเป็นการตอบโต้อิสราเอลที่ใช้ปฏิบัติการทางทหารต่อชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา และเพื่อเป็นการแสดงออกถึงการสนับสนุนชาวปาเลสไตน์
2. ปริมาณการซื้อในตลาดทองคำอาจเบาบาง เนื่องจากตลาดเงินและตลาดทุนของสหรัฐฯ จะปิดทำการในวันที่ 15 มกราคม 2567 เนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์
3. รายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ผลสำรวจภาคการผลิตของ FED สาขานิวยอร์กและสาขาฟิลาเดลเฟีย, ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เบื้องต้น) เดือน มกราคม 2567, ยอดค้าปลีก, การผลิตภาคอุตสาหกรรม และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์


