posttoday

“ภูมิธรรม” สั่ง สสว.เสริมศักยภาพ SME ไทย รับมือกฎกติกาโลกใหม่

20 ธันวาคม 2566

ภูมิธรรม ประกาศเดินหน้าหนุนธุรกิจขนาดใหญ่ - ดึงสสว.เสริมแกร่ง SME ไทย พร้อมแก้กฎหมายปลดล็อกอุปสรรค รับมือกติกาการค้าโลกใหม่ มุ่งขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน(sustainability)

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในงาน GREEN ECONOMY LANDBRIDGE โอกาสทอง? ภายใต้หัวข้อ Exploring the Dynamics การค้าโลกใหม่ ซึ่งจัดโดย หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ว่า ต้องยอมรับว่า ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน การค้าโลกมีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังมีความไม่แน่นอนสูง จากปัจจัยต่างๆ ทั้งด้านการเมือง เทคโนโลยี ดิจิทัล สังคม และปัจจัยสิ่งแวดล้อม ความแตกต่างทางภูมิอากาศ ที่ทำให้เป็นเงื่อนไขการภาวะการโลก 

 

หลายเรื่องปฎิเสธไม่ได้ ผู้ทำธุรกิจเวลาเกิดเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นย่อมกระทบต่อการค้า หรือการดำเนินธุรกิจทุกคน ขณะที่ความขัดแย่งทางภูมิศาสตร์ สงครามก็ได้รับผลกระทบทางธุรกิจไม่มากก็น้อยแล้วแต่ประเภทธุรกิจ เช่นเดียวกับไทย ซึ่งเราไม่รู้ว่าความขัดแย้งจะจบแบบใด หากสงครามขยายตัวย่อมกระเทือนต่ออุปทานของโลก และการค้า ไม่ว่าการค้าออนไลน์ หรืออีคอมเมิร์ท ซึ่งทุกคนเห็นอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าเป็นแบบนี้เราจะต้องคิดแล้วว่าจะรับมือ และแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไร

 

เช่นเดียวกับกฎระเบียบ มาตรการทางการค้าใหม่ๆของโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ซึ่งสร้างผลกระทบต่อผู้ประกอบการทั่วโลกไม่มากก็น้อย ซึ่งเป็นสิ่งที่ภาคธุรกิจต้องรับรู้ และปรับตัวให้ทัน เช่น ขณะนี้สหภาพยุโรปได้ออกมาตรการ 3 มาตรการ 

 

1.เรื่องกฎระเบียบด้านการไม่ตัดไม้ทำลายป่า มีผลบังคับเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งครอบคลุมสินค้าอยู่ 6 ชนิดด้วยกันเกี่ยวข้อง เช่น การเลี้ยงปตุสัตว์ โกโก้ เมล็ดกาแฟ น้ำมันปาล์ม ยาง และถั่วเหลือง ดังนั้นซึ่งใครที่จะนำสินค้าเหล่านี้เข้ายุโรปต้องบริษัทต่างๆต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า สินเค้าเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับการติดไม้ทำลายป่า ซึ่งสินค้ายางก็จะมีปัญหาว่า ต้นกำเนิดยางพาราอยู่ตรงไหนซึ่งเป็นปัญหาอยู่พอสมควร ซึ่งเป้นภาวะที่ต้องเราจะแก้ไข และปรับตัวได้อย่างไร ซึ่งหาเราไม่ปรับตัวถึงเวลาค้าขายไม่ได้

 

2.เรื่องกฎระเบียบด้านสอบทานธุรกิจด้านสิทธิมนุษชน และสิ่งแวดล้อม ซึ่งสหภาพยุโรปจะประกาศใช้ช่วงต้นปี 2024 ซึ่งบริษัทต่างๆที่ทำธุรกิจการค้าในอียูจะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า กิจกรรมทางการค้าไม่กระทบต่อสิทธิมนุษชน และสิ่งแวดล้อม ซึ่งเขาได้ตั้งเป้นกำแพงขึ้นมาว่า ในประเด็นเหล่านี้เราจะสามารถดีแคร์ได้หรือไม่ ถ้าเราไม่เตรียมการหรือคำนึงก็จะค้าขายได้ยาก

 

3.มาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนเข้าพรหมแดนของสหภาพอยู่โรป(CBAM) โดยให้ผู้นำเข้าสินค้า 6 กลุ่ม ได้แก่ เหล็กกล้า อลุมิเนียม ซีเมนต์ ปุ๋ย ไฟฟ้า และไฮโดเจน และสินค้าปลายน้ำบางรายการ เช่น น๊อตต้องรายงานคาร์บอนตั้งแต่ ต.ค.ที่ผ่านมา ก่อนเริ่มใช้มาตรการ CBAM อย่างสมบูรณ์ 1 ม.ค.2026

 

อย่างไรก็ตาม สำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ สามารถปรับตัวได้กับกฎระเบียบได้ค่อนข้างดี มีความพร้อมต่อสู่กับโลกใหม่ได้ และหลายบริษัทได้รับการยอมรับจากโลกเพิ่มขึ้น ขณะที่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อยหรือเอสเอ็มอีของไทย ความตะหนัก และมีความพร้อมต่อการกฎระเบียบการค้าโลกยังไม่สามารถสู่กับธุรกิจขนาดใหญ่ได้ ซึ่งทางกระทรวงพาณิชย์จะเข้าไปเสริม และขับเคลื่อนธุรกิจเหล่านี้มากขึ้น

 

 

ซึ่งตนมีหน้าที่ดูแลสำนักงานส่งเสริมวิสหากิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว.และกระทรวงพาณิชย์ จะพยามเชื่อมสององค์กรนี้เข้าด้วยกัน ให้สามารถให้เอกชนที่มีขนาดกลางและย่อมมีความตะหนักและพร้อมต่อกฎระเบียบการค้าโลก โดยเฉพาะแนวโน้มความยั่งยืนที่จะเป็นหัวใจที่เศรษฐกิจสมัยใหม่ใช้เป็นเครื่องมือในการดำเนินงาน

 

“ขอย้ำว่า วันนี้การเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบันเป็นเรื่องที่สำคัญ ถ้าเราไม่ปรับตัวและยอมรับ สุดท้ายโลกบีบให้เราเปลี่ยนแปลง ถ้าเปลี่ยนได้เราก็จะรอด ไม่มีทางเลือกอื่น เพราะอย่างไรการเปลี่ยนแปลงกติการใหม่ต้องเกิดขึ้น ต้องปรับตัวก่อนสายไป รู้ได้เร็วเราก็รอดเร็ว ไม่รับรู้ก็ยากลำบาก หากการผลิตยังอยู่กับที่เราจะพบปัญหา ต้องมองไปข้างหน้าให้เห็น รู้ว่าอะไรบ้างที่เกี่ยวข้องกับเราจะเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร ที่สำคัญต้องสามัคคีร่าวมือกันจับมือร่วมกัน โลกข้างหน้าเป็นโลกที่ไม่สามารถสู้อย่างโดดเดี่ยวได้” นายภูมิธรรม กล่าว

 


ทั้งนี้ที่ผ่านมา นายกฯได้ให้หลักการระหว่างการประชุมทูตพาณิชย์ทั่วโลก และภาคเอกชน เช่น สภาหอการค้า สภาอุตฯ และธุรกิจภาคขนส่งทางน้ำเรือ  โดยมีข้อสรุปให้ยึดหลัก 3 ซี 


ซี 1.คือให้ความสำคัญกับประชาชน หรือผู้บริโภค กลุ่มเป้าหมาย คือ ตัดสินใจผลิตตามที่โลกต้องการ การค้าเราจึงไปได้ 

ซี 2. คือ ความร่วมมือระหว่างบริษัทขนาดใหญ่และขนาดเล็ก เพราะไม่มีใครสู้คนเดียวได้ และ ทำให้มีพลังหรืออำนาจการต่อรอง ช่วยเหลือกัน ทำให้เศรษฐกิจประเทศดีได้


ซี 3.ต้องมั่นใจในตัวเองว่าเราทำได้ มีศัพยภาพพร้อมไปทำ มั่นใจว่าเราทำได้รัฐบาล และกระทรวงพาณิชย์พร้อมปรับตัว ตั้งรับ และเชิงรุกเปลี่ยนรัฐบาลไทยให้เป็นรัฐที่ส่งเสริมไม่ให้กฎระเบียบรัฐเป็นอุปสรรคในการทำธุรกิจ จะให้รัฐเป็นรัฐสนับสนุน ให้ธุรกิจมีเครื่องไม้เครื่องมือในการทำธุรกิจแข็งแรง ทำให้รัฐปัจจุบันเป็นรัฐดิจิทัล ไปสู่การทำพาณิชย์ยุคใหม่ อำนวยความสะดวกยกระดับ การค้าลงทุนท่ามกลางกระแสโลกที่กำลังเปลี่ยนอย่างเต็มที่ 

 

ที่ผ่านมาโลกาภิวัฒน์ ทำให้เกิดการค้าการ การลงทุน การเคลื่อนย้ายการผลิต เช่น แรงงาน และทุนได้อย่างเสรี แต่ละประเทศเปิดตลาดการค้าให้แก่กัน เกิดความร่วมมือระหว่างกันเพื่อความเจริญรุ่งเรื่องร่วมกัน อย่างไรก็ตามความเสี่ยงและความท้าทายด้านเศรษฐกิจการค้า ที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดคำถามว่า เนื่องจากหากเราไม่สามารถก้าวได้ตามโลกได้ทัน อาจเกิดความไม่เท่าเทียมและเลื่อมล้ำได้ ดังนั้นเราจึงมีความจำเป็นต้องนำไปสู่แนวคิดปรับโลกาภิวัฒน์ในรูปแบบใหม่ คือพึ่งพาตัวเองให้ได้ให้ประโยชน์จากเทคโนโลยีให้ได้มากที่สุด ขณะเดียวกันก็ต้องอยู่ในกระแสโลกาภิวัฒน์

 

ซึ่งต้องใช้ความสมดุลมาจัดการในทุกมิติมาจัดการ ไม่เช่นความขัดแย้งจะเกิดขึ้นกระทบต่อความมั่นคงทางการเมือง และเศรษฐกิจในประเทศไม่แข็งแรง ซึ่งตนได้มอบนโยบายการทำงานโดยให้หาจุดสมดุลระหว่างผู้ค้า ส่งออก ผู้ผลิต ผู้ปริโภค เช่น ถ้าบริษัทใหญ่คิดแต่กำไร กำลังซื้อผู้บริโภคก็จะไม่มี และถ้าผู้บริโคภจะเอาแต่ราคาที่ต่ำ ผู้ผลิตก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน เราต้องอยู่ร่วมกัน ลดกำไรลงหน่อย ประชาชนมีกำลังซื้อ ก็จะเกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ

 

อย่างไรก็ตาม การค้าที่ดีต้องเป็นประโยชน์กับคนสวนใหญ่ ลดช่องว่าง และกฎกติกาของแต่ละประเทศต้องมีความยืดหยุ่น และมีการต่อรองเกิดขึ้น ไม่ให้กติกาโลกมาบีบบังคับ ทำให้อยู่ในภาวะจำยอมทั้งหมด ซึ่งจะเกิดขึ้นกับการเจรจาการค้าจากนี้

 

ซึ่งการค้าโลกใหม่จะเป็นดิจิทัลมากขึ้น ดังนั้นแต่ละธุรกิจว่าการเปลี่ยนแปลงมีผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคด้าเรายังอยู่ในแพลตฟรอมเดิมจะไม่มีทางก้าวทันเขาได้ ดาต้าเป็นข้อมูลที่สำคัญ สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ปรับฐานข้อมูลทั้งหมด เข้าสู่ระบบดิจิทัล หรือระบบอิเล็กทรอนิก ซึ่งสามารถดูได้เลย ไม่ต้องมากระทรวงพาณิชย์อีกต่อไป ดังน้ันการใช้เทคโลโยยิ่งเร็วยิ่งได้เปรียบ ยังลดต้นทุนเพิ่มประสิทธิภาพได้ 

 

นอกจากนี้ การค้าใหม่ต้องมุ่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น ฝุ่น Pm หากโลกไม่จัดการจะเป็นภัยคุกคามต่อโลกมาก ซึ่งปัจจุบันโลกให้ความสำคัญต่อมารตการธุรกิจสีเขียว จะเห็นการตั้งเป้าปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ให้ความสำคัญต่อความยั่งยืน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หากไทยมีการปรับตัวและทำได้ก็จะเป็นโอกาสทางการค้า ถ้าไม่ได้กระทบต่อการส่งออกแน่นอน

 

สำหรับมาตรการกระตุ้นการส่งออกของไทย กระทรวงพาณิชย์มีแนวทางเจาะตลาดมณฑลในประเทศจีนมากขึ้น จะไม่ใช้วิธีเดิมๆ ต้องหรือหาช่องทางตลาดอีคอมเมิร์ทมากขึ้น ซึ่งการปรับตัวการค้าใหม่ๆ สร้างสภาพแวดล้อมต่อการลงทุน ที่สำคัญคือกาพัฒนาโลจิสติกให้มีศักยภาพ สนับสนุนการทำการค้าให้มากขึ้น


ซึ่งนายก ได้จัดทีมไทยแลนด์ลุยตลาดทั่วโลก รักษาตลาดเดิม และหาตลาดใหม่ให้ได้ที่มีศักยภาพ เช่น ตลาดอินเดีย กลุ่มตะวันออกลาง และตลาดแอฟฟริกา ซึ่งการสร้างทีมไทยแลนด์จะเกิดจากความร่วมมือกับทุกฝ่าย เพื่อทำงานร่วมกันเพื่อรับมือการค้าโลก ไม่ต่างคนต่างทำงาน เหมือนที่ผ่านมา

 

ทั้งนี้ รัฐบาลชุดนี้ประกาศชัดเจนว่า เอกชนคือทัพหน้าที่จะบุกหาตลาดตลาดต่างประเทศ เป็นทัพนำเงินเข้าประเทศ วันนี้ไม่ว่าจะเจอผู้ประกอบการ ผู้นำเข้าจะพบปัญหาใหญ่ติดขัดกฎระเบียบมากมาย ซึ่งเรื่องนี้ขอชื่นชมนายกฯ ที่ให้นโยบายว่าอะไรที่ได้ก็ให้ทำเลย ไม่ต้องรอ หากไม่ได้ต้องหาวิธีที่ทำให้ได้ ซึ่งตนจะเข้าไปรื้อกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการค้าทั้งหมด เพื่อให้มีการปรับเพื่อเอื้อต่อธุรกิจ การค้า เอสเอ็มอี ซึ่ง ต้นม.ค.จะเดินหน้าไปแก้ไขกฎหมายในสภาฯ เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ แต่อย่างไรก็ตามต้องควบคู่ไปความทันสมัย และโปร่งใส รวดเร็ว มีประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล

 

 

ข่าวล่าสุด

สินค้าจีนทะลัก กดดัน OEM พลิกธุรกิจสร้างแบรนด์รองเท้าสุขภาพ “Talon”