ทำความรู้จัก e-Refund สำหรับคนพลาดดิจิทัลวอลเล็ต

เปิดเงื่อนไขกันไปแล้ว สำหรับโครงการเติมเงิน 10000 บาท ผ่าน Digital Wallet ผ่านถ้อยแถลงของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง โดยมีเงื่อนไข ดังนี้

•    คนไทยที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป
•    รายได้ไม่เกิน 70,000 บาท/เดือน 
•    และ/หรือไม่มีเงินฝากในบัญชีธนาคารรวมกันไม่เกิน 500,000 บาท
•    ขยายพื้นที่ครอบคลุมระดับอำเภอตามบัตรประชาชน
•    พัฒนาแอปพลิเคชัน เป๋าตัง
•    คาดว่าจะใช้ได้ พ.ค.2567
•    สิ้นสุดโครงการ 2570 
•    กลุ่มเป้าหมายประมาณ 50 ล้านคน

แต่สำหรับผู้ที่ พลาดสิทธิ์ไม่เข้าเงื่อนไขโครงการดิจิทัลวอลเล็ต  ไม่ต้องเสียใจไป เพราะนายกฯได้ ออกโครงการ e-Refund เพื่อมาปลอบใจ และกระตุ้นการจับจ่ายสินค้าและบริการ ให้สามารถนำลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลจากการซื้อสินค้าและบริการ โดยให้วงเงิน 50,000 บาท โดยจะเริ่มมาตการตั้งแต่ 1 มกราคม 2567 

ด้านนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการ รมว.คลัง กล่าวว่า มาตรการ e-Refund จะให้ประชาชนได้ภาษีคืน (Refund) ได้มากกว่ามาตรการ ช้อปดีมีคืน ในอดีต 

e-refund แตกต่างกับ ช้อปดีมีคืน อย่างไร?

ช้อปดีมีคืน

• สามารถนำบิลค่าซื้อสินค้า และค่าบริการทุกประเภท ที่ซื้อจากผู้ประกอบการ ที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 40,000 บาท
• ค่าสินค้าโอท็อป
• ค่าใช้จ่ายจากค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ได้เป็นครั้งแรกตั้งแต่มีมาตรการมา โดยสถานีบริการน้ำมันนั้นจะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและออกใบกำกับภาษีได้ เพื่อเป็นการกระตุ้นการเดินทางและการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาล

ทั้งนี้ กรณีค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ จำนวน 30,000 บาทแรก จะใช้เป็นใบกำกับภาษีแบบกระดาษ หรือใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ และ ส่วนที่เกิน 30,000 บาท สามารถใช้ใบกำกับภาษีรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์มาลดหย่อนได้เพิ่มเติมอีก 10,000 บาท

 e-refund

• ผู้เข้าร่วมโครงการ E-Refund จะต้องไม่ได้รับสิทธิเงินดิจิทัล 10,000 บาท
• ค่าซื้อสินค้า และค่าบริการทุกประเภท จากร้านค้าที่อยู่ในฐานระบบภาษี และเฉพาะที่ออกใบกำกับภาษีในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น
• นำใบกำกับภาษีจากการซื้อสินค้า-บริการมูลค่าไม่เกิน 50,000 บาท มาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้

ทั้งนี้ ยังต้องติดตามว่า โครงการ e-refund จะมีเงื่อนไขอะไรออกมาเพิ่มเติม หรือห้ามลดหย่อนรายการใดบ้างต้องติดตามกันต่อไป