posttoday

กอบศักดิ์แนะ SME คว้าโอกาสจาก 4 เทรนด์เปลี่ยนโลกแต่ยังต้องจับตาเศรษฐกิจจีน

13 กันยายน 2566

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กระตุ้น SME คว้าโอกาสจาก 4 เทรนด์เปลี่ยนโลก แนะเตรียมตัวรับ new normal ตั้งแต่วันนี้ เตือนยังต้องจับตาเศรษฐกิจจีน

ภายในงานสัมมนา “SME Transformation: เปลี่ยนผ่านธุรกิจ เติบโต ยั่งยืน” ในโอกาสครบรอบ 20 ปี ชมรมบัวหลวงเอสเอ็มอี ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ และเลขานุการบริษัท ธนาคารกรุงเทพเปิดเผยถึง 4 เทรนด์เปลี่ยนโลกหรือ 4 แนวโน้มสำคัญที่จะกระทบกับผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (SME) ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในภาวะ new normal และเป็นจังหวะสำคัญให้ SME คว้าโอกาส ด้วยการเร่งปรับตัวตั้งแต่วันนี้

สำหรับเทรนด์แรกคือ Technology กำลังเปลี่ยนอย่างรวดเร็วในยุค Industrial Revolution 4.0 ยิ่งปัจจุบันจะเห็นว่าเทคโนโลยีเริ่มตกยุคเร็วขึ้นไปเรื่อย ๆ โดยเฉพาะ AI จะยิ่งมีบทบาทมากขึ้น เช่น ChatGPT จากนี้อีก 3 ปีน่าจะเก่งขึ้นจากเดิมมาก อีกทั้งด้วย Supercomputers และ IOT Connected Devices ที่ทำให้ฐานข้อมูลเปลี่ยนไปมากด้วย รวมถึงเทคโนโลยีหุ่นยนต์เองก็มีบทบาทในอุตสาหกรรมมากขึ้นด้วย รวมถึงเรื่อง Metaverse ก็จะมีความชัดเจนมากขึ้นด้วย 

เทรนด์เปลี่ยนโลกที่ 2 คือ Rising Global Tension และโลกสองขั้ว Bipolar World โดยเฉพาะความขัดแย้งระหว่าง 2 ขั้วอำนาจของโลกคือสหรัฐฯ และจีน ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในภูมิภาค ที่จะมีผลต่อโอกาสใหม่ของ ASEAN โดยเฉพาะจะมีลงทุน FDI ไหลเข้ามาในภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้น  อีกทั้งเป็นการเปิดโอกาสให้ไทยก้าวเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคมากขึ้นด้วย

"แต่มีความท้าทายที่ไทยต้องช่วงชิงส่วนแบ่งจาก FDI ที่หลั่งไหลเข้ามาในภูมิภาคให้มากขึ้นให้ได้" 

FDIs ที่ไหลมาASEAN มากขึ้นหลังโควิด

เทรนด์ที่ 3 คือประเทศรอบ ๆ ไทยจะมีความเจริญทางเศรษฐกิจสูงขึ้น ทั้งใน Asia และ ASEAN เช่นสังเกตุจากตัวเลขผู้มั่งคั่งในเอเชียที่เติบโตสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งนี้ด้วยการเชื่อมโยงระหว่างประเทศต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้น จะเป็นโอกาสสำคัญที่ทำให้เกิดสังคมเมืองขยายขึ้น ยิ่งเป็นโอกาสสำคัญของ SME เช่นเดียวกับที่ผู้ประกอบการไทยจะสามารถขยายออกไปตลาดระดับภูมิภาคทั้ง Asia และ ASEAN ตลอดจนตลาดระดับโลกได้มากขึ้นด้วยจากการเชื่อมโยงที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว

ท้ายสุดเทรนด์ที่ 4 คือเรื่องความยั่งยืนกำลังเป็นมาตรฐานใหม่ของโลก โดยเฉพาะประเด็นหลักในเรื่อง Climate Changes (การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ)   Inequality (ความเหลื่อมล้ำ) และ  Transparency (ความโปร่งใส) ที่จะเกิดกฎกติกาใหม่ ๆ ที่ถูกนำมาบังคับใช้ในการค้าโลกและผู้ประกอบการต่างจำเป็นต้องปฎิบัติตาม เช่น IUU ICAO เป็นต้น

"ดังนั้นจาก 4 เทรนด์ข้างต้น จึงมี 4 ด้านที่ SME ต้องเตรียม ได้แก่ ลงทุนใน Technology ใหม่  ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ Supply Chain ใหม่ เดินหน้าออกไปหยิบโอกาสที่กำลังเปิดในภูมิภาค และเตรียมรับกับมาตรฐานโลกที่เข้มขึ้น"

อย่างไรก็ตาม แม้หลังตั้งรัฐบาลใหม่แล้วน่าจะมีการกระตุ้นเศรษฐกิรอบใหม่น่าจะมาราวกลางปีหน้า หรือ 9 เดือนนับจากนี้ จึงต้องเริ่มเตรียมการตั้งแต่วันนี้ เพื่อเข้าสู่ new normal เช่นเดียวกับที่การต่อสู้เรื่องเงินเฟ้อใกล้จะจบเต็มที มองว่าหากเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยก็น่าจะแค่อีกเพียง 1 ครั้งเท่านั้น

เช่นเดียวกับที่ในฝั่งของเศรษฐกิจเมืองไทยเอง ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินเฟ้อแล้ว เพราะอัตราเงินเฟ้อได้เข้าสู่กรอบปกติแล้ว จึงมองว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) น่าจะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีกเพียง 1 ครั้งเท่านั้นในปีนี้ แต่จะไม่มีแนวโน้มลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตด้วยเช่นกัน เพราะเมืองไทยที่ผ่านมาไม่ได้ขึ้นดอกเบี้ยสูงอยู่แล้ว   

"ผมเชื่อว่าเมืองไทยจะผ่านวิกฤติรอบนี้ได้ แต่ปัญหาระบบเศรษฐกิจจนีเป็นประเด็นที่น่าจับตามอง ที่จะมีนัยยะในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า" 

นั่นคือแม้ว่า ปีนี้นักลงทุนจีนมาเมืองไทยสูงมาก ปีนี้มีโอกาสที่มูลค่าการลงทุนราว 1 แสนล้านบาทได้ เช่น BYD Huawei แต่ก็ยังมีประเด็นด้านเศรษฐกิจต่างประเทศที่ยังต้องจับตาคือปัญหาเศรษฐกิจจีน ทั้งนี้เนื่องจากมองว่าที่ผ่านมาประเทศจีนไม่ได้มีปัญหาเศรษฐกิจมาเลยช่วงก่อนหน้านี้ ทำให้ปัญหาต่าง ๆ ที่สะสมไว้ก่อนนี้ไม่ได้ถูกแก้ไข ทำให้มีโอกาสเป็นไปได้ที่จะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจของจีนได้ในระยะอันใกล้นี้ เช่น เรื่องปัญหาหนี้เสียในภาคอสังหาริมทรัพย์