posttoday

“เกรียงไกร” ประธาน ส.อ.ท. ฟอร์มรัฐบาลเร็ว ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

16 พฤษภาคม 2566

“เกรียงไกร เธียรนุกุล” ประธาน ส.อ.ท. พร้อมร่วมทำงานกับทุกรัฐบาล ชี้จัดตั้งรัฐบาลเร็ว มีเสถียรภาพ หวังเกิดขึ้น ส.ค.นี้ ไร้สุญญากาศทางการเมือง ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ฝากรัฐบาลใหม่สานต่อโครงการที่ดีของรัฐบาลเดิม ดึงเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ ประสานการทำงานร่วมรัฐ-เอกชน

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ผลการเลือกตั้งที่ออกมาในครั้งนี้ จะเห็นได้ว่าพรรคฝ่ายค้านในรัฐบาลที่แล้วได้จำนวน ส.ส.มากที่สุด คือ พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ตามลำดับ โดย 2 พรรค มีเสียงรวมกันประมาณ 300 เสียง ซึ่งในภาวะปกติเพียงพอในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะเกิน 250 เสียง ก็สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้แล้ว

ทั้งนี้ มองว่าการจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้ น่าจะเริ่มจากผู้ที่เป็นฝ่ายค้านร่วมกันหลายพรรค ซึ่งจะทำให้มีฐานเสียงขึ้นเป็น 309 เสียง โดยทิศทางต่อจากนี้ ก็เป็นไปตามนโยบายที่แต่ละพรรคประกาศไว้ ซึ่งมีทั้งนโยบายที่เหมือนกัน และแตกต่างกัน 

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ผลการเลือกตั้งที่ออกมาในครั้งนี้ จะเห็นได้ว่าพรรคฝ่ายค้านในรัฐบาลที่แล้วได้จำนวน ส.ส.มากที่สุด คือ พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ตามลำดับ โดย 2 พรรค มีเสียงรวมกันประมาณ 300 เสียง ซึ่งในภาวะปกติเพียงพอในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะเกิน 250 เสียง ก็สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้แล้ว
 
“ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินทิศทางต่อจากนี้ เพราะจะต้องทราบว่าการจัดตั้งรัฐบาลแล้ว ทีมเศรษฐกิจใครจะผสมกันใคร ใครจะมีทีมเศรษฐกิจอย่างไร ชูนโยบายอะไรทั้งหมดของทุกคน ก็คงจะต้องมีข้อตกลงกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่เรายังเดาไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่านโยบายเศรษฐกิจที่จะเป็นเรือธงต่อไปก็คงอยู่ในนโยบายหลักๆ ที่ได้ประกาศไว้ของทั้ง 2 พรรคใหญ่ คือ พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย” นายเกรียงไกร กล่าว

นอกจากนี้ หวังว่าจะไม่มีสุญญากาศทางการเมือง โดยแกนนำที่มีคะแนนเสียงจำนวนมากจะต้องรีบจัดตั้งรัฐบาลให้ได้อย่างเร็วที่สุด ซึ่งภาคเอกชนคาดว่าจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ภายในเดือน ส.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม หากเร็วกกว่าเดือน ส.ค.ได้ จะยิ่งดี เพราะมองว่าขณะนี้ปัญหาเศรษฐกิจ และงานทางด้านนโยบายต่างๆ ยังต้องดำเนินการอีกมาก ขณะที่หากเป็นรัฐบาลรักษาการจะมีข้อจำกัดในการอนุมัติงบประมาณ กระทบต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมีความล่าช้าออกไป ส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจไทยอย่างมาก 

ขณะเดียวกัน ปัจจุบันสถานการณ์ของโลกมีความผันผวน และมีความท้าทายจำนวนมาก เช่น การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีไปดิจิทัล ปัญหาสงครามการค้า ความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ การย้ายฐานการผลิต ปัญหาเงินเฟ้อ และการปรับขึ้นดอัตราดอกเบี้ยส่งผลกดดันต่อภาคธนาคาร 

ดังนั้น ส.อ.ท. อยากให้รีบจัดตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุด และเป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ หาคนดีคนเก่งที่เหมาะสมกับงาน มีทีมที่มีวิสัยทัศน์มาช่วยปรับปรุงโครงสร้างของเศรษฐกิจของไทย รวมทั้งขอให้สานต่อโครงการและนโยบายที่ดีของรัฐบาลเดิมอย่างต่อเนื่อง เช่น โมเดลเศรษฐกิจ BCG และโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) 

“โดยเฉพาะ EEC อีกนิดเดียว โครงการสร้างพื้นฐาน อย่าง รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ก็จะจบแล้ว เพราะลงทุนไปเยอะมาก และมีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนกันเยอะพอสมควรแล้ว เมื่อรัฐบาลใหม่เข้าก็เร่งให้จบ เพื่อให้โครงการสมบูรณ์ และเป็นแม่เหล็กดึงเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ” นายเกรียงไกร กล่าว

รวมไปถึงอยากให้รัฐบาลใหม่ ทำให้เกิดการทำงานระหว่างภาครัฐและเอกชน มีเวทีที่ชัดเจนในแต่ละเรื่อง และให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาร่วมคิด วางแผน และปฏิบัติ เนื่องจากการทำงานในรูปแบบต่อจากนี้ไป ภาครัฐและเอกชนควรทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ซึ่งจะสามารถช่วยบูรณาการ ช่วยเหลือกันในการวางแผน แก้ปัญหา ทำตลาด วางกลยุทธ์ต่างๆ 

โดยในรูปแบบที่เคยทำมาและประสบความสำเร็จ คือ การจัดตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐบาลและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ. (กรอ.) ซึ่ง ส.อ.ท.พร้อมร่วมทำงานกับทุกรัฐบาล จึงอยากฝากรัฐบาลใหม่ ทำให้เกิดเวทีเหล่านี้ เพื่อเปิดรับฟังความคิดเห็น ปัญหา และอุปสรรคจากภาคเอกชน

“กรอ.พลังงาน ในช่วงรัฐบาลที่ผ่านมาก็มีการตกลงกับทางด้านเอกชน แต่ยังทำไม่เสร็จ จนมีการยุบสภาไป พอมีรัฐบาลใหม่มา อยากให้มีเวที กรอ.พลังงาน ให้รีบดำเนินการ เพื่อจะร่วมกันในการปรับโครงสร้างค่าไฟ โครงสร้างการผลิตไฟฟ้าของทั้งประเทศใหม่ทั้งหมด และอาจจะมี กรอ.เพิ่มเติม ในด้านบริหารจัดการน้ำ เพราะตอนนี้กำลังจะมีปัญหาเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ คือ เรื่องภัยแล้ง ซึ่งจะส่งผลต่อภาคเกษตร และภาคการผลิต” นายเกรียงไกร กล่าว