posttoday

เงินบาทแข็งค่าทดสอบ 34 บาท ด้านตลาดหุ้นไทยยังบวกแม้เผชิญวิกฤติแบงก์

04 พฤษภาคม 2566

เงินบาทแข็งค่าทดสอบแนว 34 บาท ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ เจอแรงเทขายหลังตัวเลขด้านแรงงานน่าผิดหวัง ส่วน SET Index พลิกกลับมาปิดบวกแม้เผชิญแรงกดดันจากวิกฤติแบงก์ในสหรัฐฯ และราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวลง

สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท
เงินบาทแข็งค่าผ่านแนว 34 ไปแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์ที่ 33.99 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ก่อนผลการประชุมเฟด โดยเงินบาทแกว่งตัวในกรอบแคบในช่วงแรก ก่อนจะพลิกแข็งค่าก่อนผลการประชุมเฟด เนื่องจากเงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงขายตามการปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ

หลังจากที่ข้อมูลการเปิดรับสมัครงานเดือนมี.ค. ของสหรัฐฯ ลดลงไปที่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี นอกจากนี้การแข็งค่าของเงินบาทยังสอดคล้องกับสถานะซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ และสถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลกที่กลับขึ้นไปยืนเหนือแนว 2,000 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์ได้อีกครั้ง      

อย่างไรก็ตาม ตลาดการเงินในประเทศปิดทำการและเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว ก่อนผลการประชุมเฟดในวันที่ (2-3 พ.ค.) และผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (4 พ.ค.)

ในวันพุธที่ 3 พ.ค. 2566 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 34.03 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯเทียบกับ 34.14 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (28 เม.ย.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 2-3 พ.ค. เม.ย. 2566 นั้น แม้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยประมาณ 409 ล้านบาท แต่ก็มีสถานะซื้อสุทธิพันธบัตรไทยถึง 18,856 ล้านบาท

สัปดาห์ถัดไป (8-12 พ.ค.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 33.80-34.30 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์แบงก์ และปัญหาเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ทิศทางเงินทุนต่างชาติและการเคลื่อนไหวของสกุลเงินในภูมิภาค

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนเม.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นและตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อในมุมมองของผู้บริโภคเดือนพ.ค. (เบื้องต้น) ตลอดจนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามผลการประชุม BOE และตัวเลขเศรษฐกิจเดือนเม.ย.ของจีน อาทิ ข้อมูลการส่งออก ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต และยอดปล่อยกู้ใหม่สกุลเงินหยวน

สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย
หุ้นไทยร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปีที่ 1,507.22 จุด ก่อนจะฟื้นตัวกลับมาก่อนปิดหยุดยาว ทั้งนี้ SET Index ต้องเผชิญแรงกดดันในช่วงแรกจากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาภาคธนาคารของสหรัฐฯ หลังมีรายงานข่าวเกี่ยวกับการปิดกิจการของแบงก์ในสหรัฐฯ อีกราย

ขณะที่การปรับตัวลงของราคาน้ำมันในตลาดโลก ยังเพิ่มแรงกดดันต่อหุ้นกลุ่มพลังงานด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดีหุ้นไทยฟื้นตัวกลับมาตามแรงซื้อคืนหุ้นกลุ่มแบงก์ ไฟแนนซ์และวัสดุก่อสร้าง ก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวของตลาดในประเทศ ประกอบกับนักลงทุนคาดว่า เฟดอาจส่งสัญญาณสิ้นสุดดอกเบี้ยขาขึ้นในการประชุมรอบนี้      

ในวันพุธ (3 พ.ค.) ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,533.30 จุด เพิ่มขึ้น 0.27% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 47,481.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.43% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 0.52% มาปิดที่ระดับ 499.36 จุด

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (8-12 พ.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,515 และ 1,500 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,545 และ 1,555 จุด ตามลำดับ

โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ผลประกอบการงวดไตรมาส 1/66 ของบจ.ไทย ปัญหาธนาคารสหรัฐฯ และสถานการณ์การเมืองในประเทศ

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนเม.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การประชุม BOE ดัชนี PMI เดือนเม.ย. ของญี่ปุ่น รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจเดือนเม.ย. ของจีน อาทิ ตัวเลขส่งออก และดัชนีราคาผู้บริโภค

ข่าวล่าสุด

สธ. ปั้นนโยบายขึ้นทะเบียนยา ATMPs ‘เร็วที่สุดในอาเซียน’ ดัน 'Medical Economy'