posttoday

กทม. จ่อยื่นอุทธรณ์ ปมศาลสั่งเพิกถอนขึ้นค่าตั๋วรถไฟฟ้าสายสีเขียว เม.ย.นี้

18 เมษายน 2566

ภายในเดือน เม.ย. กทม. เล็งยื่นอุทธรณ์ศาลปกครอง หลังสั่งเพิกถอนค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียว พร้อมเตรียมเจรจาคณะทำงานศึกษาค่าโดยสารใหม่ เสนอมหาดไทยยึดพ.ร.บ.ร่วมทุน PPP

นายไทภัทร ธนสมบัติกุล ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า กรณีศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเพิกถอนประกาศ กทม. เรื่อง การกำหนดค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวว่า

ในเบื้องต้น กทม. จะยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองประมาณปลายเดือนเมษายนนี้ เนื่องจากการออกประกาศค่าโดยสารที่เป็นประเด็นขอเพิกถอนในครั้งนี้ เป็นการคิดอัตราค่าโดยสารเฉพาะสายสีเขียวระหว่างส่วนสัมปทานและส่วนต่อขยายที่ กทม.รับผิดชอบเพียงหน่วยงานเดียว

ขณะเดียวกัน กทม.ได้ออกประกาศค่าโดยสารและบังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ ประกาศ กทม.เมื่อวันที่ 29 มี.ค.60 เรื่อง ค่าโดยสารโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร ส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท ตอนที่ 1 (ซอยสุขุมวิท 85-107) ระยะทาง 5.25 กม. และส่วนต่อขยายสายสีลม ตอนที่ 2 (ตากสิน-เพชรเกษม) ระยะทาง 5.3 กม.

ทั้งนี้ กทม.ได้บูรณาการร่วมกับกระทรวงคมนาคม ในการกำหนดอัตราค่าโดยสารของรถไฟฟ้า โดยร่วมเป็นคณะทำงานให้ความเห็นและให้ข้อเสนอแนะที่ปรึกษาโครงการศึกษากำหนดอัตราค่าโดยสารขั้นสูง ค่าแรกเข้า และหลักเกณฑ์การขึ้นอัตราค่าโดยสารขนส่งมวลชนระบบราง

หากผลการศึกษาดังกล่าวแล้วเสร็จ กทม. จะนำผลการศึกษาดังกล่าว มาใช้เป็นแนวทางการปรับค่าโดยสารรถไฟฟ้าที่อยู่ในความรับผิดชอบของ กทม. เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการ และประชาชนผู้ใช้บริการต่อไป

สำหรับแนวทางการบริหารจัดการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวทั้งระบบ ทาง กทม. ได้เสนอต่อกระทรวงมหาดไทยแล้วว่า เห็นควรที่จะดำเนินการโครงการฯ ตาม พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 เพื่อให้การพิจารณาคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนมีความรอบคอบ มีการพิจารณาข้อมูลรอบด้านและตรวจสอบได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะในการได้รับบริการของรัฐอย่างมีประสิทธิภาพ

อีกทั้งเพื่อให้การเดินรถเป็นโครงข่ายเดียวกันอย่างต่อเนื่อง (Through Operation) และอำนวยความสะดวกสบายในการเดินทางของประชาชนผู้โดยสาร ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพต่อระบบคมนาคมขนส่งในกรุงเทพฯ ต่อไป

อย่างไรก็ตาม การยื่นอุทธรณ์ของกทม.ในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจาก นายสิริพงษ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.พรรคภูมิใจไทยและพวกรวม 6 คน ยื่นฟ้อง กรุงเทพมหานคร (กทม.) และ ผู้ว่าฯ กทม. เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1 และ 2

ขอให้ศาลฯ มีคำพิพากษาเพิกถอนหรือยกเลิกประกาศเรื่อง การกำหนดค่าโดยสารโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ลงวันที่ 15 ม.ค.2564 และให้สั่งระงับการดำเนินการใดๆ ตามประกาศฯ คือ การปรับขึ้นค่าโดยสารไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำสั่งหรือคำพิพากษาถึงที่สุด

โดยเมื่อวันที่ 13 เม.ย. 66 ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้เพิกถอนประกาศ กทม. เรื่องการกำหนดค่าโดยสารโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว โดยพิจารณาให้ กทม.ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 26 พ.ย. 61 ซึ่งต้องบูรณาการร่วมกับกระทรวงคมนาคมในการกำหนดอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสม เป็นธรรม ไม่ก่อให้เกิดภาระต่อประชาชนผู้ใช้บริการมากเกินไป

ทั้งนี้ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาวระบุว่า แม้รัฐธรรมนูญจะบัญญัติรับรองให้ กทม. ซึ่งเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่น มีความเป็นอิสระ แต่การใช้อำนาจบริหารราชการ และการจัดทำบริการสาธารณะของกทม. โดยผู้ว่าฯ กทม. ก็ยังต้องเป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาล ตามหลักการกระจายอำนาจทางปกครองของรัฐ

แม้การจัดเก็บค่าโดยสารโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว จะอยู่ในความรับผิดชอบของ กทม. และเป็นอำนาจของผู้ว่าฯ กทม. ที่สามารถกระทำได้ ก็ตาม แต่เมื่อปรากฏว่าการดำเนินโครงการดังกล่าวไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะพื้นที่ในกทม.เท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงพื้นที่เขตปริมณฑล และเป็นโครงการที่รัฐบาลกำหนดไว้ในแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางใน กทม. และปริมณฑล

อย่างไรก็ตาม กทม. ต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ตามความเห็นกระทรวงการคลัง รวมทั้งพิจารณากำหนดค่าโดยสารให้เหมาะสม สอดคล้องกับค่าครองชีพของผู้ใช้บริการด้วย