posttoday

แกะสูตรความสำเร็จ “พี.วี.ที.”สู่เจ้าของผลิตภัณฑ์สิทธิบัตรระดับนานาชาติ

19 มีนาคม 2566

แกะสูตรความสำเร็จ “พี.วี.ที.”ผู้ผลิตสารถนอมอาหารสัตว์ระดับภูมิภาค ชูนวัตกรรมสร้างความต่าง สู่เจ้าของสิทธิบัตรระดับนานาชาติ

บริษัท พี.วี.ที.แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ผู้พัฒนาและผลิตสารถนอมคุณภาพอาหารสัตว์ และ เครื่องจ่ายน้ำยา ผู้นำในอุตสาหกรรมสารถนอมอาหารสัตว์ระดับภูมิภาค มีลูกค้าในกลุ่มผู้ผลิตอาหารสัตว์รายใหญ่ของประเทศ ทั้ง ซีพีเอฟ และ เบทาโกร รวมถึงตลาดในต่างประเทศกว่า 10 ประเทศ ในกลุ่ม CLMV และ MSCI ที่สำคัญคือ มีการจดสิทธิบัตรระดับนานาชาติ ทำให้นวัตกรรมที่บริษัทสร้างสรรค์ขึ้นมีจุดเด่นที่ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ ทำให้บริษัทมีการเติบโตอย่างยั่งยืนปีละ 10%

ทว่ากว่าจะมีถึงจุดนี้ “น.สพ. ธนันต์ ลีละยูวะ” เจ้าของธุรกิจในตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป เล่าย้อนให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นเมื่อกว่า 20 ปี ก่อนว่า พี.วี.ที. เกิดจากวิกฤติที่ผลักดันให้เกิดโอกาส

 

แกะสูตรความสำเร็จ “พี.วี.ที.”สู่เจ้าของผลิตภัณฑ์สิทธิบัตรระดับนานาชาติ

 

ธุรกิจดั้งเดิมของตระกูลโดยคุณพ่อ คือ บริษัท อินเทลโนเวชั่น จำกัด ที่สร้างธุรกิจขึ้นในปี 2533 จากการเป็นตัวแทนจำหน่ายสารถนอมอาหารจากต่างประเทศ แต่เมื่อทำธุรกิจไปได้ระยะหนึ่งเจ้าของผลิตภัณฑ์ต้องการผู้จำหน่ายเอง ทำให้บริษัทได้รับผลกระทบ ตัวเองและ “ภวาทิพย์” 2 คนพี่น้อง จึงเข้ามาช่วยบริหารธุรกิจของครอบครัว ด้วยแนวคิดนอกกรอบ แทนที่จะพึ่งพาซัพพลายเออร์ไปตลอด ซึ่งอาจทำให้ธุรกิจเผชิญกับความเสี่ยง ทั้งคู่จึงก่อตั้งเป็นบริษัท พี.วี.ที.แมนูแฟคเจอริ่ง ในปี 2547 เพื่อมุ่งคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตัวเอง

 

แกะสูตรความสำเร็จ “พี.วี.ที.”สู่เจ้าของผลิตภัณฑ์สิทธิบัตรระดับนานาชาติ

จังหวะชีวิตทำให้เกิดบริษัทใหม่ขึ้นมา เป็นการตกกระไดพลอยโจร ถ้าวันนั้นไม่มีเหตุการณ์ก็คงไม่มีวันนี้

ด้วยประสบการณ์ของการเป็นตัวแทนจำหน่าย ทำให้รู้ว่าผลิตภัณฑ์มีหลักการผสมสารเคมีอย่างไร เพื่อให้อาหารสัตว์มีความปลอดภัย และไม่ตกค้างไปยังเนื้อสัตว์ที่ผู้บริโภคต้องรับประทาน จุดเริ่มต้นของบริษัทใหม่ยังเป็นเพียงการคิดสูตรและส่งไปให้ต่างประเทศผลิต แต่ก็ต้องประสบปัญหาถูกเลียนแบบสูตร ทำให้สุดท้ายบริษัทต้องตัดสินใจผลิตเอง และเดินหน้าจดสิทธิบัตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยผลิตภัณฑ์สารถนอมคุณภาพอาหารสัตว์แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ สารป้องกันเชื้อรา และ สารป้องกันเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งจะก่อให้เกิดโรคในระบบทางเดินอาหาร เช่น เชื้อซัลโมเนลลา

สำหรับการผลิตสารถนอมคุณภาพอาหารสัตว์ของบริษัทมีระบบการผลิตอัตโนมัติทันสมัยสามารถควบคุมการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการผลิตทดแทนพลังงานไฟฟ้า ลดการใช้บรรจุภัณฑ์ลด Carbon Emission ซึ่งมีผลต่อ Carbon Foot Print Label ของผลิตภัณฑ์

นอกจากนี้ ยังเป็นผู้พัฒนาและผลิตเครื่องจ่ายน้ำยาเองเพื่อสนับสนุนการใช้ผลิตภัณฑ์จากเดิมที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ แต่มักประสบปัญหาการซ่อมแซมที่ล่าช้า จึงจัดสินใจผลิตเครื่องจ่ายน้ำยาเอง ซึ่งเครื่องจ่ายน้ำยาเหล่านี้จะถูกติดตั้งในโรงงานของลูกค้าที่ใช้สารถนอมคุณภาพอาหารสัตว์ โดยเครื่องจ่ายน้ำยามีนวัตกรรมโดดเด่นที่พัฒนาขึ้นเองจากทีมวิศวะวิศวกรของคนไทย ได้แก่ การใช้ระบบ ไอโอที สามารถช่วยเหลือลูกค้าในบางกรณีฉุกเฉินเร่งด่วนแบบทางไกลผ่านระบบอินเทอร์เน็ต,การเก็บข้อมูลการใช้งาน มีการเรียนรู้ภายใน ทำให้เป็นเครื่องจ่ายน้ำยาอัจฉริยะ ลดการดูแลรักษาโดยผู้ใช้งาน

 

แกะสูตรความสำเร็จ “พี.วี.ที.”สู่เจ้าของผลิตภัณฑ์สิทธิบัตรระดับนานาชาติ
 

ที่สำคัญคือมีระบบแจ้งเตือนเมื่อเครื่องทำงานผิดปกติ หรือเริ่มมีแนวโน้มการเบี่ยงเบน ตัวเครื่องจ่ายน้ำยาสามารถตรวจเช็คสภาพเครื่องได้โดยง่าย และสื่อสารกับผู้ใช้งานผ่านแพลตฟอร์มต่างๆได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง ซึ่งหลังจากติดตั้งเครื่องจ่ายน้ำยาแล้ว ยังสามารถอัปเกรดซอฟต์แวร์ให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าเพิ่มได้ ช่วยเพิ่มความสามารถในเชิงป้องกันได้ตลอดเวลา

ปัจจุบันเครื่องจ่ายน้ำยานี้ได้ทำการจดสิทธิบัตรระดับนานาชาติเรียบร้อยแล้ว

“น.สพ. ธนันต์” กล่าวว่า บริษัทมีทีม R&D ทั้งของตนเองและการหาจากพันธมิตรมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทย รวมถึงพนักงาน 20% เป็นทีมวิศวกร จึงกลายเป็นจุดแข็งที่สำคัญที่ทำให้บริษัทมีความแตกต่างในการสร้างนวัตกรรม และการบริการหลังการขายที่รวดเร็วกว่าคู่แข่งซึ่งส่วนใหญ่เป็นต่างชาติที่เข้ามาทำตลาดในไทย

“แม้ว่าสิ่งที่เราเรียนมาไม่ตรงกับงานที่เราต้องสานต่อของครอบครัว แต่เราไม่เคยทำตัวเหมือนน้ำเต็มแก้ว เราไม่อายที่จะถามคำถาม เมื่อเราเรียนรู้กับเหตุการณ์จริงที่เจอ สารเคมี เครื่องจักร มันคือหลักวิทยาศาสตร์ที่มีเหตุผลและสามารถทำได้”

ดังนั้นสิ่งสำคัญอีกประการที่ขาดไม่ได้ คือ ความจริงใจกับลูกค้า เพราะธุรกิจอาหารสัตว์ ผู้ผลิตอาหารสัตว์ต้องการอาหารที่สะอาด ปลอดภัย ไม่มีสิ่งปนเปื้อน ดังนั้นตั้งแต่กระบวนการแรกของการผลิตอาหารต้องห้ามสกปรก ปนเปื้อน ไม่เช่นนั้น จะส่งผลกระทบกับกระบวนการผลิตอาหารที่เหลืออีกหลายกระบวนการ ด้วยความจริงใจนี้ ทำให้ลูกค้าเชื่อใจและในช่วงโควิดบริษัทไม่ได้รับผลกระทบ เพราะลูกค้ามั่นใจว่าบริษัทจะสามารถควบคุมการผลิตให้สะอาดและปลอดภัยได้

เมื่อถามว่านอกจากเป็นผู้ผลิตแล้ว พี.วี.ที. จะผันตัวเป็นผู้จำหน่ายเองด้วยหรือไม่ “น.สพ. ธนันต์” กล่าวว่า ความเจ็บปวดจากการถูกผู้ผลิตผันตัวเป็นผู้ขายเองในสมัย 20 ปี ก่อน ทำให้ พี.วี.ที. ต้องการสนับสนุนให้ตัวแทนจำหน่ายของบริษัทเติบโตไปพร้อมกับบริษัทมากกว่าจะเป็นคู่แข่ง และในตลาดทั้งในประเทศโดยเฉพาะในกว่า 10 ประเทศ เพื่อนบ้านที่มีอยู่ยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก 

ดังนั้นในส่วนของบริษัทคือการมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ ซึ่งในไตรมาส 3 ปีนี้ บริษัทมีแผนเปิดโรงงานเพิ่ม ผลิตผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเทคโนโลยีชีวภาพ โดยได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ  และการสนับสนุนจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ โดยบริษัทให้ความสำคัญด้านนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีการร่วมกับศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) และมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆที่มีประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมของประเทศ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นทั้งทางเลือกให้กับลูกค้าและเป็นการลดปัญหาการนำเข้าและขาดแคลนวัตถุดิบจากต่างประเทศด้วยการใช้วัตถุดิบจากในประเทศ 

 

แกะสูตรความสำเร็จ “พี.วี.ที.”สู่เจ้าของผลิตภัณฑ์สิทธิบัตรระดับนานาชาติ

 

“ภวาทิพย์” กล่าวว่า บริษัทดั้งเดิมของคุณพ่อคือ อินเทลโนเวชั่น ยังคงดำเนินธุรกิจในฐานะตัวแทนจำหน่ายอยู่สำหรับลูกค้าเก่าที่อยู่กับบริษัทมานาน แต่มีสัดส่วนในการทำธุรกิจเพียง 15% เท่านั้น ส่วน พี.วี.ที. สิ่งสำคัญคือการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ไม่หยุดนิ่ง ด้วยการนำนวัตกรรมสร้างความต่าง เพราะจากประสบการณ์ทำให้ทราบดีว่าสูตรของผลิตภัณฑ์เป็นสิ่งที่เลียนแบบได้ง่าย การมีนวัตกรรมจะทำให้บริษัทเติบโตอย่างยั่งยืน

สำหรับความร่วมมือกับไบโอเทค ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อต้องการแก้ปัญหาการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ ซึ่งมีปัญหาเรื่องค่าเงิน และการขาดแคลนวัตถุดิบ หากสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ได้จากวัตถุดิบในประเทศจะทำให้ลูกค้าได้ต้นทุนที่ลดลง เป็นทางเลือกเพิ่มเติมให้กับลูกค้าได้

ที่เราให้ความสำคัญคือ การจดสิทธิบัตรทั้งผลิตภัณฑ์สารถนอมอาหารสัตว์และเครื่องจ่ายน้ำยา ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ซึ่งต้องใช้เวลากว่า 3 ปี ขณะนี้ใกล้จดครบทั้ง 10 ประเทศแล้ว

นอกจากการใช้นวัตกรรมกับผลิตภัณฑ์ที่บริษัทผลิตแล้ว พี.วี.ที.ยังใช้ระบบออโตเมชัน ในกระบวนการทำงานเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับพนักงานด้วย พนักงานไม่ต้องทำงาน 7 วัน สามารถทำงานเพียง 5 วัน เวลา 09.00 น.-17.00 น. เพื่อบาลานซ์การใช้ชีวิตและการทำงานให้เหมาะสม และจ่ายค่าตอบแทนที่มากกว่าอุตสาหกรรมเพื่อรักษาบุคลากรไว้ตั้งแต่รุ่นพ่อจนถึงรุ่นลูก ให้เติบโตไปพร้อมกับผู้บริหาร

ที่สำคัญคือ แนวคิด ESG การพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืน การใส่ใจสิ่งแวดล้อม ด้วยการใช้พลังงานแสงอาทิตย์กับเครื่องจักร การเปลี่ยนรถโฟล์คลิฟท์เป็นรถไฟฟ้า มีใบรับรองคาร์บอน ฟุตปริ้น ให้กับลูกค้า โดยบริษัททำเรื่องนี้มาตั้งแต่ปี 2555 ซึ่งในขณะนั้นตลาดยังไม่ได้ตื่นตัวและกำหนดเป้าหมายชัดเจนอย่างทุกวันนี้

เพราะสิ่งที่คุณพ่อและคุณแม่เขียนบทบัญญัติในการทำธุรกิจไว้คือ การทำธุรกิจ คือ ต้องทำธุรกิจเพื่อสังคม จึงเป็นสิ่งที่ 2 พี่น้องตระกูล ลีละยูวะ ยึดมั่นมาโดยตลอด