posttoday

พาณิชย์ตั้งเป้าปี 66 ส่งออกขยายตัว 1-2% ขณะที่ทั้งปี 65 โต 5.5%

24 มกราคม 2566

รมว.พาณิชย์ เผยส่งออกไทยปี 65 ขยายตัว 5.5% มีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 287,067.9 ล้านเหรียญสหรัฐ คาดปี 66 โต 1-2% ลดลงจากปี 65 ที่คาดไว้ 4% ชี้เศรษฐกิจมีหลายปัจจัยเสี่ยงรุมเร้าที่ต้องจับตา พร้อมเตรียมบุกตลาดตะวันออกกลางเพื่อผลักดันส่งออกขยายตัว

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในปี 2566 กระทรวงพาณิชย์ได้ตั้งเป้าหมายการส่งออกของไทยขยายตัวได้ 1.2% ทั้งนี้ หากส่งออกขยายตัวอยู่ที่ 1% การส่งออกจะมีมูลค่ารวม 289,938 ล้านเหรียญสหรัฐ  และหากขยายตัวได้2% มูลค่าการส่งออกจะอยู่ที่ 292,809 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่น้อยกว่าปี 2565 ที่ตั้งเป้าไว้ 4% เนื่องจากยังมีปัจจัยเสี่ยงหลายปัจจัยที่ต้องติดตาม เช่น

 

1.เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวมาก โดยเฉพาะเศรษฐกิจในประเทศตลาดหลักของไทย เช่น สหรัฐอเมริกาที่หลายสถาบันประเมินว่า จีดีพีจะบวกเพียง 0.5-1% สหรภาพยุโรป  0.0-0.5% ญี่ปุ่น 1.6% เป็นต้น ดังนั้นย่อมกระทบต่อภาคการส่งออกของไทย แต่ยังคงเป้าหมายเป็นบวกที่ 1-2%

 

2.คาดการณ์ว่าไตรมาสแรกปี 66 อาจหลายประเทศยังมีสต๊อกสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศ ทำให้ยังชะลอการนำเข้าสินค้า 

 

3.ราคาน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับสูง ส่งผลต่อต้นทุนการผลิตสำคัญของภาคการผลิตเพิ่มขึ้น ทำให้การแข่งขันลดลง

 

4.ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งขึ้น ซึ่งจะกระทบศักยภาพการแข่งขันด้านราคา 

 

5.ความขัดแข้งด้านภูมิศาสตร์ที่ยังตึงเครียด ซึ่งสร้างอุปสรรค์ต่อการค้า
 

แต่อย่างไรก็ตาม การส่งออกของไทยยังมีปัจจัยหนุน จากประเทศที่มีศักยภาพรองรับสินค้าของไทย เช่น 4 ตลาดที่ไทยจะไปบุกส่งออกสินค้าเป็นพิเศษ เนื่องจากยังขยายตัวได้ดี เช่น ตะวันออกลาง ที่คาดว่าจะขยายตัว 20 % ซึ่งในวันที่ 6-8 ก.พ.66 จะนำภาคเอกชนไปเปิดตลาดที่ สหรัฐ อาหรับ เอมิเรตส์ ซึ่งจะเป็นประตู่สู้ตะวันออกกลาง เพื่อจะให้เอกชนไทยได้ต่อยอดไปสู่ตลาดดังกล่าวต่อไป

 

นอกจากนี้ยังมีตลาดเอเชียได้ที่คาดว่าจะบวกได้ 10% เช่น อินเดีย ปากีสถาน และบังกลาเทศ และ CLMV 15% และจีนคาดว่าจะเป็นบวก จากการเปิดประเทศของจีนหลังผ่อนคลายมาตรการโควิดความต้องการด้านอาหารของโลกยังมีอยู่ 

 

นอกจากนี้การส่งออกของไทยยังไม่ปัจจัยหนุน 2  ด้าน เช่น การส่งเสริมของกระทรวงพาณิชย์ การหาแหล่งสำรองหาหารของผู้ซื้อทั่วโลก และค่าระวางเรือปรับตัวลดลงมาอยู่ในสภาะปกติ รวมทั้งตู้คอนเทนเนอร์ที่กลับมาเพียงพอต่อความต้องการ 

 

พร้อมกันนี้ นายจุรินทร์ ยังได้เปิดเผยถึงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือน ธ.ค.ปี 65 ว่า ติดลบ 14.6% มีมูลค่า 21,718.8 ล้านเหรียญสหรัฐ หากมาดูตัวเลขการส่งออกทั้งปี 2565 ยังขยายตัวเป็นบวก 5.5% โดยมีมูลค่า 287,067.9 ล้านเหรียญสหรฐ ถือว่าเป็นบวกท่ามกลางวิฤตเศรษฐกิจมากมาย อาทิ การชะลอตัวของศรษฐกิจโลก โควิดที่ยังคงระบาด ซึ่งเป็นตัวเลขสูงเกินกว่าที่เป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 4% 

 

สำหรับการส่งออก ธ.ค.ปี 65 เมื่อแยกตามรายภาค พบว่า  สินค้าเกษตร ขยายตัวติดลบอยู่ที่ 11.6% มีมูลค่า 2,042.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งปี 65 การส่งออกสินค้าเกษตรยังเป็นบวก โดยขยายตัวเพิ่มขึ้น 2.2% คิดเป็นมูลค่า 26,721.3 ล้านบาท  

 

ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมเกษตร เดือนธ.ค. ติดลบอยู่ที่ 10.8% คิดเป็นมูลค่า 1,556.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ทั้งปีขยายตัวเป็นบวกอยู่ที่ 17.8% มีมูลค่า 22,768.8 ล้านเหรียญสหรัฐ เช่นเดียวกับสินค้าอุตสาหกรรม เดือนธ.ค.ปี ติดลบอยูที่ 15.7% มีมูลค่า 17,248.9 ล้านเหรียญสหรัฐ และทั้งปียังขยายตัวเป็นบวกอยู่ที่ 4.4% มีมูลค่า 225,694.3 ล้านเหรียญสหรัฐ

 

สำหรับตลาดที่ขยายตัวได้ดี ในเดือน ธ.ค.ปี 66 10 อันดับแรก ได้แก่ อีรัก เพิ่มขึ้น 144.1% ไอร์แลนด์ 130.9% บรูไน อิหร่าน 48% โมซัมบิก 44.8% ซาอุดิอาระเบีย 35.5% สหราชอาณาจักร 2.3.7% สวีเดิน 16.4% อิตาลี 12.3% เม็กซิโก 6.7%

 

ส่วน สินค้าที่ขยายตัวได้ดี ได้แก่ น้ำตาลทรายขยายตัวเพิ่มขึ้น 98.9% เครื่องโทรสาร โทรศัพท์และส่วนประกอบ เพิ่มขึ้น 71.5% อัญมณีและเครื่องประดับ เพิ่มขึ้น 50.3% ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ เพิ่มขึ้น 44.8% หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ 32% ไก่แปรรูป 24.8%