posttoday

DPA ประกาศคุ้มครองเงินฝาก "Virtual Bank" 1 ล้านบาท ต่อ 1 รายผู้ฝาก ต่อ 1 ธนาคาร

19 มกราคม 2566

DPA กางโรดแมป 5 ปี ชู 4 ยุทธ์ศาสตร์ เดินหน้าภาระกิจคุ้มครองเงินฝาก ครอบคุมเงินฝาก Virtual Bank กำหนดวงเงินคุ้มครองที่ 1 ล้านบาท ต่อ 1 รายผู้ฝาก ต่อ 1 ธนาคาร

นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ ผู้อานวยการ สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) หรือ DPA กล่าวว่า สถาบันได้ปรับทิศทางการดาเนินงานให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของนวัตกรรมทางการเงิน และการให้บริการทางการเงินรูปแบบใหม่ๆ ซึ่งรวมถึง มาตรการการคุ้มครองเงินฝากผ่านธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual Bank) ด้วย โดยผู้ฝากเงินจะได้รับความคุ้มครองตามวงเงินที่กฎหมายกำหนดจำนวน 1 ล้านบาท ต่อ 1 รายผู้ฝาก ต่อ 1 ธนาคาร และตอกย้ำกองทุนคุ้มครองเงินฝากมีความเข้มแข็งและมั่นคง พร้อมเสริมสร้างเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงิน ของประเทศให้มีความมั่นคง

 

สำหรับ แผนโรดแมป 5 ปี (2566-2570) ของ  DPA จะชู 4 ยุทธศาสตร์สำคัญ รองรับวิสัยทัศน์การเป็นองค์กรคุ้มครองเงินฝากที่น่าเชื่อถือและทันสมัย สร้างความมั่นใจให้ผู้ฝากและประชาชน ผ่านสโลแกน “สถาบันคุ้มครองเงินฝาก พร้อมคุ้มครอง เคียงข้างคุณ” 

 

โดย สถาบันคุ้มครองเงินฝากพร้อมขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี (พ.ศ. 2566 – 2570) เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของนวัตกรรมทางการเงินและการให้บริการทางการเงินรูปแบบใหม่ในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล เน้นสร้างความเชื่อมั่นและความมั่นใจให้ผู้ฝากและประชาชนผ่าน 4 ยุทธศาสตร์สาคัญ ได้แก่
 

 

ยุทธศาสตร์ที่ 1 พร้อมคุ้มครองผู้ฝากอย่างมีประสิทธิภาพตามพันธกิจการคุ้มครองเงินฝาก ด้านการจ่ายคืนและชาระบัญชี เมื่อเกิดวิกฤตสถาบันการเงินถูกเพิกถอนใบอนุญาต กระบวนการจ่ายคืนผู้ฝากต้องสะดวกรวดเร็ว ผ่านช่องทางที่ทันสมัย ถูกต้องครบถ้วนตามที่กฎหมายกาหนด สถาบันฯ มีการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้ความคุ้มครองทั้ง 32 แห่ง (รายชื่อสถาบันการเงินตามเอกสารแนบ) เพื่อทดสอบการรับส่งไฟล์ข้อมูลสถาบันการเงิน ผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยเฉพาะเพื่อความปลอดภัยของข้อมูล พร้อมระบบประมวลผลข้อมูลและระบบปฏิบัติงานจ่ายคืนผู้ฝา

 

ยุทธศาสตร์ที่ 2 พร้อมสร้างความเชื่อมั่นต่อสาธารณชนให้มั่นใจในระบบคุ้มครองเงินฝากและเสริมภูมิคุ้มกันด้านการเงิน โดยการสื่อสารผ่านช่องทางและวิธีที่แตกต่างให้เหมาะสาหรับกลุ่มเป้าหมายในแต่ละช่วงวัย รวมถึงการผนึกกาลังกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อขยายขอบเขตการเข้าถึงและสร้างการตระหนักรู้ให้กับผู้ฝากและประชาชน และการสร้างความร่วมมือด้านการสื่อสารกับหน่วยงานในเครือข่ายความมั่นคงทางการเงิน (FSN) ได้แก่ กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไท

 

ยุทธศาสตร์ที่ 3 พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการเสริมสร้างเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงินให้มีความมั่นคงและยั่งยืน ผ่านการเตรียมความพร้อมในด้านการปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงานในเครือข่ายความมั่นคงทางการเงิน และมีการพัฒนาระบบวิเคราะห์ข้อมูลเงินฝากเชิงลึก (Data Analytics) เพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อการวิจัยและวิเคราะห์สถานการณ์เงินฝาก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความมั่นคงของระบบสถาบันการเงิน

 

ยุทธศาสตร์ที่ 4 พร้อมพัฒนาศักยภาพองค์กรให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องและมีธรรมาภิบาล ทั้งด้านบุคลากรและระบบเทคโนโลยีดิจิทัลมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการทั้งในภาวะปกติและภาวะวิกฤต โดยเฉพาะระบบปฏิบัติงานจ่ายคืนผู้ฝากและระบบปฏิบัติการภายในต่างๆ ที่เชื่อมต่อกับช่องทางการสื่อสารเพื่อให้สถาบันฯมีความพร้อมในการดาเนินงานตามพันธกิจอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส ให้ข้อมูลที่ชัดเจนและถูกต้องต่อผู้ฝากและประชาชน

 

ทั้งนี้ ด้วยยุทธศาสตร์ระยะที่ 4 ในช่วงต่อจากนี้ ตั้งแต่ปี 2566 – 2570 สถาบันคุ้มครองเงินฝากยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาประสิทธิภาพด้านการจ่ายคืน และชำระบัญชี และการสร้างความเชื่อมั่นต่อสาธารณชนโดยเพิ่มการเสริมภูมิคุ้มกันด้านการเงินให้ประชาชนมากขึ้น นอกจากนั้น สถาบันได้ปรับทิศทางการดาเนินงานให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของนวัตกรรมทางการเงินและการให้บริการทางการเงินรูปแบบใหม่ๆ อาทิ ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา หรือ Virtual Bank ที่กาลังจะเกิดขึ้นในประเทศไทย อันเป็นผลจากการเติบโตของเทคโนโลยีดิจิทัลและพฤติกรรมของผู้บริโภค ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยปัจจุบันจะเห็นว่าหลายประเทศทั่วโลก ได้ออกหลักเกณฑ์ใบอนุญาตให้มีการจัดตั้งธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา หรือ Virtual Bank เช่น ญี่ปุ่น, ไต้หวัน, เกาหลี, สิงคโปร์, อังกฤษ เป็นต้น สาหรับ Virtual Bank ในประเทศไทยนั้น การฝากเงินของผู้ฝากจะได้รับความคุ้มครองจากสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ตามวงเงินคุ้มครองที่กฎหมายกาหนด จำนวน 1 ล้านบาท ต่อ 1 รายผู้ฝาก ต่อ 1 สถาบันการเงิน เช่นเดียวกัน

 

จากรายงานข้อมูลสถิติเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครอง ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2565 พบว่า มีจำนวนเงินฝาก ที่ได้รับความคุ้มครอง 16.12 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2564 จานวน 5.25 แสนล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 3.36% โดยส่วนใหญ่มาจากการพักเงินในบัญชีเงินฝากของผู้ฝากรายใหญ่และกองทุนในช่วงที่ตลาดการเงินมีความผันผวน และภาคธุรกิจที่นำเงินมาพักไว้ในบัญชีเงินฝากเพื่อสร้างสภาพคล่องในการประกอบธุรกิจ โดยคาดว่าในปีนี้เงินฝากจะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของสถาบันการเงิน

 

ขณะที่จำนวนผู้ฝากที่ได้รับการคุ้มครองมีจานวนเพิ่มขึ้นเป็น 89.66 ล้านราย เพิ่มขึ้นจากปี 2564 จำนวน 3.83 ล้านราย คิดเป็นการเติบโต 4.46% โดยส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของผู้ฝากบุคคลธรรมดาที่มีเงินฝากน้อยกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันผู้ฝากที่ได้รับความคุ้มครองเต็มจานำนคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 98.01 (87.88 ล้านราย) ของจำนวนผู้ฝากทั้งหมด ปัจจุบันกองทุนคุ้มครองเงินฝากมีจำนวนรวม 1.37 แสนล้านบาท มีสภาพคล่องอยู่ในระดับสูง เข้มแข็งและมั่นคง พร้อมคุ้มครองเงินฝากแก่ผู้ฝาก