คลัง ดีเดย์! เปิดใช้บัตรสวัสดิการรอบใหม่ 1 มี.ค.66
กระทรวงคลัง ประกาศให้ใช้สิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ เริ่มตั้งแต่ 1 มี.ค. 66 เล็งของบประมาณเพิ่มเติมเพิ่มสิทธิอื่นๆ
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังจะประกาศให้การใช้สิทธิในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2566 นี้ โดยขณะนี้ อยู่ระหว่างการตรวจสอบคุณสมบัติจากผู้ที่เข้ามาลงทะเบียน และจะทยอยประกาศรายชื่อในเดือน ม.ค.นี้
สำหรับกรณีผู้ที่ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแล้วตรวจสอบสิทธิ พบว่า ไม่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือก สามารถอุทธรณ์การตรวจสอบสิทธิได้ โดยจะใช้ระยะเวลาตรวจสอบ 15-30 วัน และหากอุทธรณ์แล้วผ่าน ท่านจะได้รับสิทธิบัตรสวัสดิการย้อนหลังด้วย
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังอยู่ระหว่างพิจารณาเพิ่มเติมสิทธิสวัสดิการในบัตร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนให้ครอบคลุมมากที่สุด โดยขณะนี้อยู่ระหว่างของบประมาณเพิ่มเติม เพื่อพิจารณาเพิ่มสิทธิอื่นๆ ซึ่งปัจจุบันมีงบประมาณในกองทุนอยู่ 5 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ ปัจจุบันผู้ถือบัตรสวัสดิการ ได้รับสิทธิ ได้แก่
- วงเงินซื้อสินค้า 200/300 บาทต่อเดือน
- วงเงินซื้อสินค้า ตามมาตรการช่วยเหลือเงินพิเศษ 200 บาทต่อเดือน (เฉพาะเดือนมกราคม 2566)
- ส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 100 บาทต่อ 3 เดือน (ม.ค. - มี.ค. 66)
- ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ประกอบด้วย
1.ค่าโดยสารรถ บขส. 500 บาทต่อเดือน
2.ค่าโดยสารรถไฟ 500 บาทต่อเดือน
3.ค่าโดยสารรถ ขสมก./รถไฟฟ้า (MRT/BTS/ARL) 500 บาทต่อเดือน (สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่อาศัยอยู่ในเขต กทม. และปริมณฑล)
- เงินชดเชยค่าไฟฟ้า ไม่เกิน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน (สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ได้ลงทะเบียนกับ กฟน. กฟภ. และกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 315 บาทต่อเดือน)
- เงินชดเชยตามจำนวนเงินที่ชำระค่าน้ำประปา ไม่เกิน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน (สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ได้ลงทะเบียนกับ กปน. กปภ. ที่ใช้น้ำประปาไม่เกิน 315 บาทต่อเดือน จะได้รับเงินคืนค่าน้ำประปาไม่เกิน 100 บาท (ที่ได้ชำระเงินแล้ว) ส่วนที่เกินจาก 100 บาท ผู้ถือบัตรฯ เป็นผู้ชำระเอง)
- เงินเพิ่มเบี้ยความพิการ 200 บาทต่อเดือน (สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีบัตรประจำตัวคนพิการและได้รับเงินเบี้ยความพิการ)
ทั้งนี้ การลงทะเบียนรอบใหม่นี้ มีประชาชนลงทะเบียนจำนวน 22 ล้านคน เชื่อว่าในอนาคตจำนวนผู้ถือสิทธิบัตรจะทยอยลดลง เนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้น รายได้จากการทำงานเริ่มเพิ่มขึ้น หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ทำให้หลุดเกณฑ์จากถือบัตรสวัสดิการ