posttoday

กสิกรไทย ปรับคาดการณ์ จีดีพีไทย ปี 66 โต 3.2%

19 ธันวาคม 2565

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ปรับประมาณการณ์การเติบโตเศรษฐกิจไทย ปี 2566 อยู่ที่ 3.2% จากเดิม 3.2-4.2% ผลจากเศรษฐกิจโลก มีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งกดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ขณะที่ภาคธุรกิจ ยังต้องเผชิญหลายปัจจัยรุมเร้า

นางสาวณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ธนาคารได้มีการปรับประมาณการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ในปี 2566 มาอยู่ที่ 3.2% จากคาดการณ์เดิมที่ 3.%-4.2% โดยมีปัจจัยจากแนวโน้มที่เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญในปีหน้า ซึ่งจะกดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย โดยเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยูโรโซนมีแนวโน้มที่จะไม่เติบโต เป็นผลจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ นอกจากนี้ยังมีผลกระทบจากวิกฤตพลังงานในยุโรป

 

ในขณะที่ แนวโน้มที่จีนจะเปิดประเทศในช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 2566 มีมากขึ้น แต่ก็ยังต้องติดตามสถานการณ์ในจีนหลังจากนี้ ทั้งจำนวนผู้ป่วย ผู้เสียชีวิต และความเพียงพอของระบบสาธารณสุข ดังนั้นยังคงมีมุมมองที่ระมัดระวังต่อสถานการณ์การเปิดประเทศของจีน โดยยังคงจำนวนนักท่องเที่ยวที่ 22 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 13-20 ล้านคน ส่วนในปี 2565 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวที่ 11 ล้านคน ในขณะที่ภาคการส่งออกคาดว่าจะหดตัวอยู่ที่ -1.5% จากเดิม 2-3.3% เนื่องจากมีปัจจัยฉุดรั้งจากอุปสงค์ประเทศคู่ค้า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ที่มีแนวโน้มชะลอตัว ประกอบกับฐานที่สูงในปีก่อนหน้า

ทั้งนี้ มองว่า ถึงแม้เศรษฐกิจโลกจะยังคงผันผวน และทำให้อัตราการเติบโตชะลอตัว ซึ่งส่งผลกระทบไปถึงปีหน้า ขณะที่เศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ส่งสัญญาณในทิศทางที่ดี และมีแนวโน้มฟื้นตัวมากยิ่งขึ้น ซึ่งจากการเปิดประเทศทำให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น ดังนั้นธนาคารจึงได้ปรับประมาณการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2565 นี้อยู่ที่ 3.2% จากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 2.9%

 

ส่วนแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบาย มองว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) คงจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องในช่วงไตรมาสแรกของปี 2566 ไปแตะระดับ 5% หรืออาจสูงกว่านั้น ก่อนที่จะมีโอกาสคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงตลอดทั้งปี 2566 ขณะที่ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องในการประชุมอีก 2 ครั้งๆ ละ 0.25% ซึ่งย้ำว่าอัตราดอกเบี้ยในประเทศยังอยู่ในจังหวะขาขึ้นเช่นเดียวกัน ด้านแนวโน้มเงินบาทในช่วงไตรมาสแรกของปี มีโอกาสแข็งค่าขึ้น หากเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยตามแผนที่วางไว้ เนื่องจากตลาดรับรู้ความเป็นไปได้ดังกล่าวแล้ว 

 

ขณะที่ภาคการเงิน มีแนวโน้มสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในไทยปี 2566 คาดว่าจะเติบโตในกรอบจำกัดประมาณ 4.2-5.2% (ค่ากลาง 4.7%) เทียบกับปีนี้ที่คาดว่าจะโต 5% ตามผลของเศรษฐกิจที่เผชิญหลายปัจจัยเสี่ยง อีกทั้งธุรกิจมีการฟื้นตัวที่ไม่ทั่วถึง ขณะที่ ทิศทางที่ระมัดระวังดังกล่าว ยังสะท้อนผ่านมุมมองต่อคุณภาพสินทรัพย์ของระบบธนาคารพาณิชย์ ที่คาดการณ์ว่าสัดส่วนเอ็นพีแอลต่อสินเชื่อรวม น่าจะยังไม่ได้ดีขึ้นจากปี 2565 นัก โดยเอ็นพีแอล ณ สิ้นปี 2566 คาดว่าจะอยู่ในกรอบ 2.55-2.80% เทียบกับ 2.65-2.75%  ที่คาด ณ สิ้นปี 2565

 

สำหรับแนวโน้มธุรกิจไทยปี 2566 มองว่ายังเผชิญหลายโจทย์รุมเร้า ส่งผลกระทบต่อธุรกิจแต่ละประเภทแตกต่างกัน ทำให้การฟื้นตัวของรายได้ธุรกิจในปีหน้า ยังมีลักษณะเป็น K-Shaped โดยธุรกิจที่นำการฟื้นตัว จะเป็นโรงแรมและร้านอาหาร โรงพยาบาลเอกชน รวมถึงค้าปลีก ขณะที่กลุ่มธุรกิจที่ฟื้นตัวช้า หรือหดตัว ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ และส่งออกในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ทั้งนี้ในปีหน้าธุรกิจไทยจะเห็นโจทย์เรื่องสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) มีความชัดเจนขึ้น ซึ่งธุรกิจไทยต้องเร่งศึกษาและปรับตัว เพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันระยะยาว